12 ธันวาคม 2553

“เซเว่นฯ” แฟรนไชส์แรงได้อีก เดินเครื่องชูธงร้านเสิร์ฟอิ่มทันใจ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 ธันวาคม 2553 11:14 น.

ยอดแฟรนไชส์ “7-11” โตต่อเนื่อง ปูพรม 5,800 สาขาทั่วประเทศ สัดส่วนแฟรนไชส์กว่า 50% ตั้งเป้าปีหน้าขยายเพิ่ม 500 สาขา ดันสัดส่วนแฟรนไชส์ขึ้น 53% ย้ำกลยุทธ์เปลี่ยนตำแหน่งการตลาดจากร้านสะดวกซื้อสู่บริการร้านอิ่มสะดวก

นางสาวอนิษฐา ธนมิตต์ รองกรรมการผู้จัดการ สำนักแฟรนไชส์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้บริหารแฟรนไชส์ 7-11 (เซเว่น อีเลฟเว่น) เปิดเผยว่า ในปี 2553 นี้ ร้านเซเว่นฯ ทั่วประเทศ มีจำนวนกว่า 5,800 สาขา โดยเป็นสัดส่วนของร้านแฟรนไชส์กว่า 50% หรือประมาณ 2,900 สาขา ขยายตัวประมาณ 3% จากปีที่แล้ว (2552) และเป้าในปีหน้า (2554) คาดว่า สัดส่วนร้านแฟรนไชส์เพิ่มขึ้นเป็น 53% ของสาขาทั้งหมด โดยมีสาขาเพิ่มอีกราว 500 สาขา โดยเป็นสัดส่วนของแฟรนไชส์ ประมาณ 400 สาขา

นางสาวอนิษฐา ธนมิตต์ รองกก.ผจก. สำนักแฟรนไชส์ บริษัท ซีพี ออลล์ จำกัด (มหาชน)
สำหรับกลยุทธ์หลักในปีหน้า เน้นเปลี่ยนตำแหน่งการตลาดของร้านเซเว่นฯ จากร้านสะดวกซื้อให้เป็นร้านอิ่มสะดวกของคนไทย โดยมุ่งเน้นขายอาหารสดพร้อมรับประทาน ซึ่งในอดีตสัดส่วนรายได้ของร้านเซเว่นฯ จากส่วนอาหารเพียง 20% และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ 80% แต่ปัจจุบัน สัดส่วนในกลุ่มแรกเพิ่มเป็นกว่า 70% ขณะที่กลุ่มหลังลดเหลือ 30%
“ในปีหน้า เราจะเน้นด้านอาหารสดมากยิ่งขึ้นไปอีก เพื่อเสริมจุดขายนี้ให้ชัดเจน ช่วยให้ไม่ต้องไปแข่งขันกับร้านโชวห่วย หรือมินิมาร์ทรายอื่นๆ โดยบริษัทจะมีระบบสนับสนุนด้านอาหารสดผ่านการจัดอบรมต่างๆ เช่น วิธีบริหารจัดการอาหารสด และมอบนโยบายไปสู่สาขาต่างๆ โดยเฉพาะด้านความสะอาด และคุณภาพมาตรฐาน เพื่อจูงใจให้ลูกค้าอยากเข้ามาหาอาหารกินในร้านเซเว่นฯ” ผู้บริหารเซเว่นฯ เผย
ทั้งนี้ มั่นใจว่า แฟรนไชส์เซเว่นฯ จะเติบโตตามเป้าหมายอย่างแน่นอน เนื่องจากที่ผ่านมา มีอัตราเติบโตปีละ 3% ต่อเนื่องทุกปี สอดคล้องกับอัตราเติบโตของร้านเซเว่นฯ ทั่วโลกที่ขยายต่อเนื่องเช่นกัน รวมถึง ปัจจุบัน ทางบริษัทฯ ได้ร่วมกับธนาคารไทยพาณิชย์ กสิกรไทย และนครหลวงไทย จัดโครงการสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยต่ำ และไม่ต้องมีหลักทรัพย์ค้ำประกัน ช่วยให้ผู้สนใจธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนง่ายขึ้น

อีกทั้ง ยังมีปัจจัยเสริมจากทัศนคติของคนรุ่นใหม่ อยากจะเป็นเจ้าของธุรกิจของตัวเองมากขึ้น ซึ่งแบรนด์เซเว่นฯ เป็นแบรนด์ที่อยู่ในใจของคนจำนวนมากอยู่แล้ว และได้รับความเชื่อถือการันตีความสำเร็จ อีกทั้ง สินค้าในร้าน เป็นประเภทอุปโภคบริโภค ซึ่งจำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ปัจจัยลบภายนอกจึงกระทบไม่มากนัก

นางสาวอนิษฐา เผยด้วยว่า ในระยะเวลาหนึ่งปี จะมีผู้สนใจขอเปิดร้านแฟรนไชส์เซเว่นฯ เกือบหนึ่งหมื่นราย แต่จะผ่านการคัดเลือกเพียง 5% เท่านั้น โดยหลักพิจารณาอันดับแรก คือ ต้องเป็นผู้มีใจรักงานบริการ ตามด้วยมีความเหมาะสมอื่นๆ ประกอบ เช่น อายุควรมากกว่า 30 ปีขึ้นไป เคยมีประสบการณ์ทำงานจริงมาก่อน เป็นต้น

ในส่วนการลงทุนนั้น มีให้เลือก TYPE B อยู่ที่ 480,000 บาท รวมค่าค้ำประกันต่างๆ อีก 1,000,000 บาท (ได้รับคืนหลังครบสัญญา) และ TYPE C อยู่ที่ 1,730,000 บาท รวมค่าค้ำประกันต่างๆ 900,000 บาท (ได้รับคืนหลังครบสัญญา) ซึ่งปัจจุบัน การเปิดร้านแฟรนไชส์เซเว่นฯ แทบทั้งหมดกว่า 95% จะเป็นร้านของบริษัทที่ให้ผู้สนใจ เลือกลงทุนไปดำเนินกิจการต่อ ส่วนการเปิดร้านจากทำเลของผู้ลงทุนเอง มีสัดส่วนเพียง 5% เท่านั้น

ด้านผลตอบแทนของแฟรนไชส์ซี่ แบบ TYPE B ผลตอบแทนจาการบริหาร และกำไรส่วนเพิ่ม เป็นต้น แบบ TYPE C จะมาจากยอดขายหักต้นทุน ซึ่งแฟรนไชส์ซี่จะได้ส่วนแบ่งกำไร 54% บริษัทได้ส่วนแบ่งกำไร 46% โดยเฉลี่ยลูกค้าที่เข้าร้านเซเว่นฯ จะใช้จ่ายประมาณ 40-50 บาทต่อคนต่อครั้งที่เข้าร้าน โดยแต่ละสาขาจะมีรายได้เฉลี่ยอย่างต่ำ 40,000-50,000 บาทต่อวัน อัตราคืนเงินลงทุน เฉลี่ยอยู่ที่ 2-3 ปี ขณะที่อัตราการยกเลิกกิจการของผู้ลงทุนแฟรนไชส์เซเว่นฯ อยู่ที่ประมาณ 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ ซึ่งสาเหตุใหญ่มักมาจากความไม่พร้อมส่วนตัวของแฟรนไชส์ซี่ เช่น ไม่มีเวลามาดูแล ขาดทายาทสืบต่อธุรกิจ เป็นต้น
รอง กก.ผจก. เผยต่อว่า แผนสนับสนุนแฟรนไชส์ของบริษัทในปีหน้านั้น ยังคงให้ความสำคัญในการจัดอบรมความรู้ที่จำเป็นแก่แฟรนไชส์ซี่ตลอดทั้งปี และมีทีมปฏิบัติลงพื้นที่เข้าไปดูแลสาขาทุกสัปดาห์ ซึ่งจะทำหน้าที่คอยแนะนำ รวมถึง แจ้งข่าวสารนโยบายจากส่วนกลาง โดยเจ้าหน้าที่ทีมปฏิบัติ 1 คนจะดูแลสาขาแฟรนไชส์ 5 แห่ง ช่วยให้ดูแลได้อย่างใกล้ชิด อีกทั้ง ทางบริษัทจะจัดโปรโมชั่นต่างๆ ต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นยอดขายให้แฟรนไชส์ และมีระบบประกันความเสียหายจากภัยต่างๆ เช่น ถูกโจรกรรม หรือภัยน้ำท่วม ซึ่งแฟรนไชส์ซี่จะได้รับความคุ้มครอง 100% ในกรณีเกิดความเสียหาย

นอกจากนั้น บริษัทได้จัดคัดเลือกแฟรนไชส์ซี่ยอดเยี่ยมประจำปีสาขาต่างๆ โดยพิจารณาจากผลการดำเนินงาน 12 เดือนย้อนหลัง ทั้งด้านผลประกอบการ การบริหาร งานบริการ ฯลฯ เพื่อเป็นกำลังใจ เชิดชูเกียรติ และเป็นตัวอย่างแก่แฟรนไชส์ซี่รายอื่นๆ

นายบุญชัย ศรีสุรเมธีกร เจ้าของแฟรนไชส์ที่ได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการ

ด้านนายบุญชัย ศรีสุรเมธีกร เจ้าของแฟรนไชส์เซเว่นฯ สาขางามวงศ์วาน สาขาทรายทอง และสาขาเคหะประชานิเวศน์ ซึ่งได้รับรางวัลยอดเยี่ยมด้านบริการ เผยว่า การทำธุรกิจแฟรนไชส์เซเว่นฯ จะลำบากที่สุดในช่วงเริ่มต้น ซึ่งจำเป็นต้องเรียนรู้ใหม่ทั้งหมด สิ่งสำคัญต้องพยายามเดินตามนโยบายที่ส่วนกลางกำหนดไว้ให้ได้ ซึ่งหากผ่านช่วงนี้ไปได้ ธุรกิจจะค่อนข้างลงตัว และสุดท้ายระบบต่างๆ จะทำให้ร้านขับเคลื่อนไปได้ด้วยตัวเอง

อย่างไรก็ตาม ปัญหาธุรกิจในการเปิดร้านเซเว่นฯ นั้น เขาระบุว่า เหมือนกับธุรกิจอื่นๆ ทั่วไป คือ ปัญหาจากตัวพนักงาน ดังนั้น เจ้าของแต่ละร้านจะต้องมีวิธีจัดการแตกต่างกันไป ให้เหมาะสมต่อร้านตัวเอง ส่วนข้อแนะนำในการเลือกทำเลเปิดร้านเซเว่น อันดับแรกควรอยู่ใกล้ที่พัก เพื่อสะดวกในการเดินทาง สามารถมาดูแลได้อย่างใกล้ชิดตลอดเวลา และควรพิจารณาทำเลจากศักยภาพการเติบโตในอนาคตมากกว่าแค่พิจารณาจากยอดขายในปัจจุบันเท่านั้น

from http://www.manager.co.th/SMEs/ViewNews.aspx?NewsID=9530000173300


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)