12 กันยายน 2567

หมอค้นพบ คนมีภูมิคุ้มกันมะเร็ง มักทำ 5 อย่างนี้เหมือนกัน


แม้โรคมะเร็งจะสัมพันธ์กับพันธุกรรม แต่ก็ใช่ว่าจะเกิดจากสาเหตุนี้เพียงอย่างเดียว ยังมีปัจจัยอื่นๆ ทั้งอายุ พฤติกรรมการใช้ชีวิต สิ่งแวดล้อม อาชีพ ล้วนมีส่วนสำคัญ ที่ทำให้เราเกิดความเสื่อมก่อนเวลา และพัฒนาเป็นมะเร็งร้ายได้

แพทย์หลายคนออกมาแนะนำว่า หากคุณต้องการมะเร็งป้องกันได้ แนะนำให้ทำ 5 ข้อนี้ในชีวิตประจำวัน

1. ขยันออกกำลังกาย

การออกกำลังกายช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันตรวจจับและกำจัดเซลล์ผิดปกติได้ทันท่วงที คนที่มีน้ำหนักเกิน มีแนวโน้มเป็นโรคมะเร็งได้ง่ายกว่า เนื่องจากมักเกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง การออกกำลังกายเป็นประจำจึงช่วยควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ลดโอกาสการเกิดโรคอ้วน และลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้



2. อยู่ห่างเหล้า บุหรี่

พฤติกรรมเสี่ยงอย่างการดื่มสุราและสูบบุหรี่ ส่งผลเสียต่อสุขภาพอย่างมาก การสูบบุหรี่ทำให้ร่างกายได้รับสารพิษมากมาย ทั้งนิโคติน ไนโตรซามีน เบนโซไพรีน คาร์บอนมอนอกไซด์ ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพ และอาจก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอด และมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้ในระยะยาว

ส่วนแอลกอฮอล์ เมื่อเข้าสู่ร่างกายจะเปลี่ยนเป็นอะซิทัลดีไฮด์ ซึ่งอาจก่อให้เกิดการกลายพันธุ์ของ DNA และนำไปสู่โรคมะเร็งได้ในผู้ที่ดื่มเป็นประจำ นอกจากนี้ แอลกอฮอล์ยังทำลายตับ ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญในการกรองสารพิษออกจากร่างกาย



3. ไม่ติดเชื้อเรื้อรัง

การติดเชื้อเรื้อรัง ไม่ว่าจะเกิดจากแบคทีเรียหรือไวรัส ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคมะเร็ง การอักเสบเรื้อรังจากการติดเชื้อเหล่านี้ สามารถกระตุ้นให้เซลล์ปกติกลายพันธุ์เป็นเซลล์มะเร็งได้

เช่น การติดเชื้อแบคทีเรีย เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (HP) อาจทำให้เกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร ไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรังอาจทำให้เกิดมะเร็งตับ การติดเชื้อ HPV สายพันธุ์เสี่ยงสูงอาจทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก และไวรัส เอปสเตน-บาร์ มีความเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งโพรงจมูก

นอกจากนี้ ผู้ติดเชื้อ HIV ก็มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงขึ้น เนื่องจากภูมิคุ้มกันที่ลดลง การตรวจสุขภาพเป็นประจำ และเข้ารับการรักษาเมื่อพบความผิดปกติ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันโรคมะเร็ง



4. รักษาภาวะก่อนมะเร็ง

โรคมะเร็งไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่จะมีระยะก่อนเป็นมะเร็ง ซึ่งหากตรวจพบและรักษาได้ทันท่วงที ก็จะสามารถลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งได้

เช่น ติ่งเนื้อในลำไส้ใหญ่ เป็นภาวะก่อนเป็นมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคกรดไหลย้อนเรื้อรัง เป็นภาวะก่อนเป็นมะเร็งหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เซลล์ปากมดลูกผิดปกติ เป็นภาวะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก และตับอ่อนอักเสบเรื้อรัง เป็นภาวะก่อนเป็นมะเร็งตับอ่อน เป็นต้น การตรวจคัดกรองมะเร็งตามคำแนะนำของแพทย์ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการตรวจพบภาวะก่อนเป็นมะเร็ง และเข้ารับการรักษาได้ทันท่วงที



5. กินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ

การเกิดโรคมะเร็ง มีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เช่น การกินของหมักดอง อาหารปิ้งย่าง อาหารรมควัน ของทอด อาหารขึ้นรา เป็นต้น

นอกจากนี้ การชอบกินอาหารร้อนจัด อาหารแข็ง กินอาหารไม่เป็นเวลา หรือ กินจุ ก็เพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งเช่นกัน การเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช และเนื้อสัตว์ที่ไม่ติดมัน จะช่วยลดความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้



พฤติกรรมการกินที่อาจนำไปสู่โรคมะเร็ง

สมาพันธ์ควบคุมโรคมะเร็งนานาชาติ ระบุว่า โรคมะเร็งกว่า 80% เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หากคุณไม่ใส่ใจดูแลสุขภาพ โรคมะเร็งก็จะถามหาได้ง่าย

กินอาหารไม่เป็นเวลา หลายคนอาจมีเหตุจำเป็นให้ต้องกินอาหารไม่เป็นเวลา ไม่กินอาหารเช้า หรือ กินดึก ซึ่งจะส่งผลเสียต่อกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดโรคกระเพาะ หรืออาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้ นอกจากนี้ การกินจุบจิบเป็นประจำ ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนัก และเพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็ง

กินจุ การกินมากเกินไป เพิ่มความเสี่ยงของโรคอ้วน และเป็นอันตรายต่ออวัยวะย่อยอาหาร เช่น กระเพาะอาหาร และตับอ่อน หากเป็นเวลานาน อาจนำไปสู่โรคมะเร็งได้

ชอบดื่มแอลกอฮอล์ขณะกินอาหาร การดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ ทำให้ DNA ซ่อมแซมตัวเองได้ไม่ปกติ เพิ่มโอกาสการเกิดโรคมะเร็งหลายชนิด เช่น มะเร็งตับ มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งตับอ่อน มะเร็งเต้านม มะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งกล่องเสียง มะเร็งหลอดอาหาร

ไม่ชอบกินผัก คนที่ชอบกินอาหารไขมันสูง ของหมักดอง อาหารรมควัน แต่ไม่ค่อยกินผัก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งสูงขึ้น ผักใบเขียวมีวิตามินและไฟเบอร์สูง ช่วยกำจัดสารพิษ ฟื้นฟูเซลล์ที่ถูกทำลาย ลดไขมันในเลือด และป้องกันมะเร็ง

กินอาหารปิ้งย่าง ทอด อาหารเหล่านี้เมื่อผ่านความร้อนสูง จะเกิดสารก่อมะเร็ง เช่น เฮเทอโรไซคลิกเอมีน (heterocyclic amines) และ เบนโซไพรีน (benzopyrene) ซึ่งหากกินเป็นประจำจะเพิ่มความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง นอกจากนี้ ร้านอาหารบางแห่งอาจใช้น้ำมันทอดซ้ำ ซึ่งยิ่งเพิ่มปริมาณสารก่อมะเร็ง และสารพิษอื่นๆ ที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

หากคุณมีพฤติกรรมเหล่านี้อยู่ ก็ควรปรับเปลี่ยนเสียใหม่ เพื่อสุขภาพที่ดี ห่างไกลโรคร้าย




ที่มา Link

10 กันยายน 2567

แจกฟรี โปรแกรมคำนวณเงินเก็บเพื่อวางแผนเกษียณ

แจกฟรี โปรแกรมคำนวณเงินเก็บเพื่อวางแผนเกษียณ วิธีใช้งานไม่ยาก

  • ช่องสีเหลือง แถวแรก "เงินเก็บต่อเดือน" ให้กรอกเงินเก็บต่อเดือนที่เราคาดว่าจะเก็บ เช่น 1,000 บาท ต่อเดือน
  • ช่องสีเหลือง แถวสอง "ผลตอบแทนต่อปี(%)" ให้ผลตอบแทนที่เราคาดว่าจะได้ เช่น 3% ต่อเดือน
  • เงินเก็บทั้งหมดจะได้ 630,033.10 บาท
  • แบ่งเงินเก็บมาใช้ต่อเดือน จะใช้ได้เดือนละ 1,500.08 บาท
  • เมื่อรวมกับสวัสดิการอื่นๆ เช่น บำนาญประกันสังคมและเบี้ยคนแก่ จะมีเงินใช้ต่อเดือนทั้งหมด 8,100.08 บาท


Link: https://docs.google.com/spreadsheets/d/1oT7irGOqyuEoIjl8_J4zm6CHHu1lDsD805S5HIPqlI0/edit?usp=sharing

สรุปรายการลดหย่อนภาษีสำหรับมนุษย์เงินเดือน ง่าย ครบ จบในที่เดียว

 



06 กันยายน 2567

มนุษย์เงินเดือนบริษัทเอกชน แก่ไปอยากมีบำนาญ (Passive Income) 10,000 - 100,000 ต่อเดือน ต้องเก็บเงินเดือนละกี่บาทดี


มนุษย์เงินเดือนบริษัทเอกชนหลายคนมีคำถามว่า ถ้าแก่ไปแล้วอยากมีบำนาญหรือ ​Passive Income เท่านั้น เท่านี้ต่อเดือน ต้องทำยังไง

มาดูคำตอบกันได้เลย จากตารางบน ถ้ามนุษย์เงินเดือนบริษัทเอกชนแก่ไปแล้ว จะมีเงินใช้จาก 3 ช่องทาง (บางคนอาจจะมีมากกว่า 3 ช่องทางก็ยิ่งดี) คือ

  • เงินเก็บที่เราสะสมมาตอนทำงานประจำ
  • บำนาญประกันสังคมน่าจะได้ประมาณเดือนละ 6,000 บาท (แต่ต้องติดตามข่าวดีๆ เห็นมีข่าวลือว่าจะเลื่อนจ่ายเงินออกไปเป็น 65 ปี หรือประกันสังคมล้มละลาย เงินส่วนนี้อาจจะกลายเป็นศูนย์ T_T)
  • เบี้ยคนแก่ (ต้องตามข่าวดีๆ เผื่อมีการยกเลิก ก็กลายเป็นศูนย์ T_T)

กรณีตัวอย่าง
  • ถ้าเก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท แล้วลงทุนใน e-Savings 1.5% ต่อปี แก่ไปจะมีเงินใช้ 12,412.61 บาท ต่อเดือน
  • ถ้าเก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท แต่มาลงทุนเสี่ยงอีกนิดเพื่อให้ได้ผลตอบแทน 3% ต่อปี เช่น ลงทุนหุ้นกู้ Rating A แก่ไปจะมีเงินใช้ 14,100.39 บาทต่อเดือน มากกว่ากรณีแรกเกือบ 2,000 บาทเลย เยอะนะ
  • ถ้าเก็บเงินเดือนละ 5,000 บาท แล้วมาลงทุนเสี่ยงเพิ่มจากกรณีสองอีกนิด เพื่อให้ได้ผลตอบแทน 5% ต่อปี เช่น ลงทุนกองทุนรวมผสม ที่มีหุ้นทั่วโลก ตราสารหนี้ทั่วโลก หรือทองคำ, แก่ไปจะมีเงินใช้ 17,356.98 บาทต่อเดือน มากกว่ากรณีแรกเกือบ 5,000 บาทเลย 


ถ้าใครอยากคำนวณเอาเอง สามารถโหลดโปรแกรมคำนวณเงินเก็บเพื่อวางแผนเกษียณ ได้ฟรีที่ Link

30 สิงหาคม 2567

ลาออกจากงานและขายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund) เสียภาษีเท่าไหร่


กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Provident Fund)

  • กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ คือ สวัสดิการสำหรับพนักงานออฟฟิศ เพื่อให้พนักงานแต่ละคน มีเงินสะสม มีเงินเก็บ ไว้ใช้ยามแก่ชรา 
  • เงินเดือนแต่ละเดือนของพนักงานจะถูกหักตามสัดส่วนที่พนักงานเลือก แล้วนำไปลงทุนในกองทุนต่างๆ (ขึ้นกับนโยบายแต่ละบริษัท)
  • การลงทุนในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ สามารถลดหย่อนภาษีได้อีกด้วย



หลังจากลาออกจากงานทำยังไงกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพดี

หลังจากพนักงานลาออกจากงาน พนักงานมีทางเลือกในการจัดการกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพได้ดังนี้

  • คงเงินไว้กับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเดิม: เหมาะกับคนที่ย้ายงานไปที่บริษัทใหม่ คงเงินไว้ และอนาคตค่อยย้ายไปกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของบริษัทใหม่ในอนาคต
  • ย้ายไป RMF for Provident Fund (RMF for PVD): เหมาะสำหรับคนที่ลาออกจากการ, ไม่มีแพลนย้ายงาน และอายุยังไม่ถึง 55 ปี
  • ขาย: เหมาะสำหรับคนที่จำเป็นต้องใช้เงิน


การขายกองทุนสำรองเลี้ยงชีพและการเสียภาษี

  • เงินในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของเราจะประกอบไปด้วย 4 ส่วน คือ
    • ส่วนที่ 1: เงินสะสมของเราเอง
    • ส่วนที่ 2: ผลประโยชน์ของเงินสะสมของเราเอง
    • ส่วนที่ 3: เงินสมทบที่บริษัทสมทบให้เรา
    • ส่วนที่ 4: ผลประโยชน์ของเงินสมทบที่บริษัทสมทบให้เรา

    • เงินที่ต้องนำมาคำนวณภาษี คือ ส่วนที่ 2,3,4 (หลังลาออก บริษัทจะมีเอกสารมาให้ และแสดงข้อมูลสรุปเงินส่วนต่างๆ)
    • การเสียภาษี
      • กรณี 1: อายุงาน < 5 ปี: 
        • ไม่ได้รับการลดหย่อน
        • เงินที่ต้องนำมาคำนวณภาษี คือ ส่วนที่ 2 + 3 + 4
      • กรณี 2: อายุงาน > 5 ปี และอายุพนักงาน < 55 ปี
        • ได้รับการลดหย่อน
        • เงินที่ต้องนำมาคำนวณภาษี คือ (7,000 x จำนวนปีที่ทำงาน) / 2
      • กรณี 3: อายุงาน > 5 ปี และอายุพนักงาน > 55 ปี
        • ไม่ต้องเสียภาษี
      • การเสียภาษี ยื่น ภงด ได้ 2 แบบ
        • ยื่น ภงด รวมกับรายได้ประจำครั้งเดียว
        • แยกยื่น ภงด คือ ยี่นปกติ 1 รอบ และ ยื่นสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพอีก 1 รอบ (เสียภาษีน้อยกว่า สอบถาม HR ที่บริษัทได้)
    • ตัวอย่าง 1:
      • A ทำงาน 2 ปี, เงินส่วนที่ 2 + 3 + 4 = 100,000 บาท
      • เข้าเงื่อนไข กรณี 1 ต้องนำเงิน ​100,000 บาทมายื่น ภงด
    • ตัวอย่าง 2:
      • B ทำงาน 5 ปี, เงินส่วนที่ 2 + 3 + 4 = 100,000 บาท
      • เข้าเงื่อนไข กรณี 2
        • 2 + 3 + 4 = 100,000 บาท -----[1]
        •  7,000 x 5 = 35,000 บาท ------[2]
        • [1] - [2] = 65,000 บาท --------[3]
        • [3] / 2 = 32,500 บาท
        • ต้องนำเงิน ​32,500 บาทมายื่น ภงด
    • ตัวอย่าง 3:
      • C ทำงาน 10 ปี, เงินส่วนที่ 2 + 3 + 4 = 100,000 บาท และอายุครบ 55 ปีบริบูรณ์
      • เข้าเงื่อนไข 3 ไม่ต้องเสียภาษี


    27 สิงหาคม 2567

    [EP 3] DCA 3 กองทุนหุ้นโลกให้ได้ถึงล้านบาท

     


    ครั้งที่Periodเงินต้นต่อกองมูลค่า KWORLDXมูลค่า SCBPGF(E)มูลค่า KFGDIV-A
    1Jul 20245,0004,909.04🏆5,094.11
    4,934.10
    2Aug 202410,00010,174.1210,027.88
    🏆10,370.00

    KFGDIV-A แซงแล้วครับ 😚



    ดูบทความ EP อื่นๆ ได้ที่ link
    ดูรายละเอียดกองทุนหุ้นโลกแต่ละกองได้ที่ EP1 link


    บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

    บทความยอดนิยม (1 ปีย้อนหลัง)