13 กุมภาพันธ์ 2559

TOEFL Tips

เมื่อกี้โพสต์ไว้ที่ห้องสมุดแล้ว แต่ไหน ๆ พักนี้คงต้องมาแวะเวียนที่ห้องไกลบ้านเพื่อหาข้อมูลเรียนต่อ
ก็เลยขอเอามาโพสต์ที่นี้ด้วยละกัน ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ

ผมไปสอบมาเมื่อวันที่ 4 พ.ค. ที่ม.เกษมบัณฑิต ร่มเกล้า
(วันเดียว เวลาเดียว ที่เดียวกับคุณ ampersand เด๊ะเลย)
http://www.pantip.com/cafe/klaibann/topic/H6629599/H6629599.html

ทราบคะแนนตอนเช้ามืดเช้ามืดวันพุธก่อน ๆ นู้น
แบบว่าว่างจัดตื่นมาเช็ค คะแนนดันออกซะงั้น
ผลที่ได้รู้สึกช็อคซีนีม่าเล็กน้อย แบบว่างง ๆ ตัวเองน่ะครับ




สถานที่สอบ

ผมได้รับคำแนะนำจากพี่คนหนึ่งว่า
ที่มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต วิทยาเขตร่มเกล้า ดีมาก ๆ ห้าดาว ๆ
เลยตัดสินใจว่าจะไปสอบที่นู่น และก็ลงทุนไป survey ก่อนหนึ่งวันกันหลง
สถานที่หาไม่ยากครับ โดดเด้งมาก เสียอย่างเดียวตรงที่ไกลไปหน่อย
แต่วันสอบจริงมีน้ำขนมกาแฟบริการเพียบ (แต่ตอนนั้นกินไม่ค่อยลงอ่ะ เครียด)
ที่แปลกใจคือมีคนมาสอบเยอะมาก สามสิบกว่าคนได้ เต็มโควต้าเลย
แถมมีคุณพ่อคุณแม่และคุณแฟนมาให้กำลังใจกันเพียบ บรรยากาศเลยคึกคักยังกะช่วงเลือกตั้ง


อุปกรณ์

ดีมากมายครับ อุปกรณ์ค่อนข้างใหม่
มอนิเตอร์เป็นแบบจอแบน ไม่สะท้อนแสง อ่านง่ายสบายตา
ที่สำคัญ คือมีพาร์ติชั่นกันระหว่างผู้สอบ ค่อนข้างเป็นส่วนตัว
ตอน Speaking ก็ได้ยินเสียงคนอื่นบ้าง แต่ก็ไม่ถึงกับทำให้รำคาญ



เจ้าหน้าที่

บริการดีครับ ขนาดผมมีปัญหาว่า id ในใบที่ print out กับในใบลงทะเบียนไม่ตรงกัน
เขาก็ให้สอบ ผมก็ถามต่อว่าไม่มีปัญหาจริงอ่ะ เขาก็ยิ้ม ๆ บอกว่าไม่มีปัญหาเจ้าค่ะ

อ้อ วันสอบอย่าลืมเตรียมหลักฐาน คือ
ใบ print out จากทาง ETS
และพาสปอร์ตหรือบัตรประชาชนนะครับ

และแล้วก็ถึงเวลาสอบจริง อย่างแรกก็ถ่ายรูปกันก่อน แชะ
แล้วเจ้าหน้าที่ก็จะให้เราไปนั่งที่โต๊ะสอบ และจัดการเปิดระบบให้


Reading

ปกติวิธีที่ผมฝึกมาคือ อ่าน Reading ทั้งหมดก่อน เน้นว่าให้เข้าใจ+เห็นภาพ
แล้วค่อยไปตอบคำถามโดยไม่ต้องอ่านซ้ำ ซึ่งตอนฝึกก็ค่อนข้างได้ผล

แต่พอมาเจอของจริง passage แรก อ่านจบไปหนึ่งรอบ
ก็เกิดอาการที่ว่า "ตรูอ่านอะไรไปฟะ..."
เพราะความยากและความยาว น้อง ๆ GMAT เลยทีเดียว
เรียกได้ว่าแทบอยากจะแกล้งเตะปลั๊กให้ไฟดับแล้วกลับไปเตรียมตัวใหม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป

พอรวบรวมสติได้ (หลังจากเวลาผ่านไป 10 นาที)
ก็นึกถึงคำแนะนำของคุณ "เมื่อลมแรงฯ" ที่ว่าไม่ต้องอ่านหมด
เอาแค่บรรทัดแรกของแต่ละ paragraph แล้วไปตะลุยโจทย์เลย
แต่เวลาที่เหลืออีกแค่ 10 นาที กับโจทย์ 14 ข้อ ก็ทำให้ล่กเอาการ
ก็เลยข้ามไปทำข้อที่ง่าย ๆ ก่อน เช่น
ข้อที่ถามว่า pronoun นี้ refer ถึงอะไร?
หรือคำนี้ความหมายใกล้เคียงกับคำว่าอะไร? ซึ่งแทบไม่ต้องอ่านก็พอทำได้
โจทย์แบบนี้มีหลายข้อ ยิ่งทำเยอะ กำลังใจก็เริ่มมา
ส่วนข้อถามที่ detail หรือต้อง imply นั้นก็ต้องออกแรงอ่านกันพอสมควร
แต่จำไว้ว่า ทุกคำตอบมีอยู่ใน passage ทั้งนั้น อยู่ที่ว่าเราจะหาเจอหรือเปล่า

ด้วย strategy นี้ ขอสารภาพว่าผมไม่เข้าใจ passage เลย
แต่พอทำโจทย์ได้ ก็เลยงง ๆ อยู่ว่าได้คะแนนมาได้ไง...
อีกอย่างคือโชคดีที่เจอข้อสอบแบบแค่ 3 readings ไม่งั้นคงน้ำลายฟูมปากไปแล้ว

สำหรับคนที่จะเตรียม part นี้ ขอแนะนำให้อ่านของ Cambridge ครับ
เพราะความยากและความยาวใกล้เคียงของจริงมาก
ทำบ่อย ๆ และพยายามจำลองสถานการณ์เหมือนสอบจริง
คือทำติดกันเลยสามอัน ชั่วโมงหนึ่ง
จะได้ชินกับความรู้สึกว่าอยากจะอ้วกเป็นภาษาอังกฤษนั้น มันเป็นยังไง..


Speaking

จริง ๆ ที่ช็อคก็ part นี้นี่แหละครับ
เพราะเป็น part ที่ผมเตรียมตัวจริงจังที่สุด และค่อนข้างมั่นใจว่าพอทำได้
(คืออาจจะไม่ดีเท่าที่คิด แต่ก็คิดว่าพอทำได้) เห็นคะแนนก็เลยตกใจอยู่
แต่พอมานึกอีกทีก็รู้สึกว่าตอนนั้น พูดด้วย speed ที่เร็วไปหน่อย จนอาจจะฟังไม่ออก
ที่สำคัญคือ "ตื่นเต้น" จนนึกคำไม่ออก ต้องอธิบายอ้อม ๆ เสียเวลาไปซะงั้น

แต่จะว่าไป Speaking นี่เป็นทักษะที่คนไทย (รวมถึงผม)
ค่อนข้างอ่อนเมื่อเทียบกับ skill อื่น
เพราะเราเน้นอ่าน เขียน ฟัง เป็นหลักมานาน ขณะที่ speaking นึ่มาฝึกเอาทีหลัง
กว่าจะขุนขื้นก็คงต้องใช้เวลาพักใหญ่ ๆ น่ะครับ

แต่ แต่ ไอ้การให้มาเตรียม 15 วิ และพูด 45 วิ หรือ 20 วิ และ 60 วิ
นี่มันหนักหนาเอาการเลยนะครับ
อย่างเวลาอ่านเขียน เราหลุดตรงไหนก็ยังพอแก้ได้ มีเวลาให้หายใจ
ส่วน Speaking ใน TOEFL เนี่ย ถ้าหลุดแล้วโอกาสกลับตัวยาก
แถมให้พูดกับคอมอีก พิลึกดีแท้ ถ้าพูดกับคนจริง ๆ ก็ยังดึงจังหวะได้
แต่ยังไงผมก็เห็นว่านี่เป็นทักษะที่ท้าทายและเป็นประโยชน์มาก ๆ ครับ


Writing

part นี้ผมเตรียม pattern สำเร็จรูปไปเลย คือกะเลยว่า ไม่ว่าจะถามอะไร ผมก็จะตอบเขียนว่า:

There is an ongoing discussion wheter ....
While some may ..., others prefer ....
In my opinion, there are three important reasons why ...

ส่วน integrated task ก็ประมาณว่า

According to the lecture, the professor made several points about ....
The professos states that ...
However, the reading claims that ...
The professor's lecture castz doubt on the reading
by using a number of points as follow.

ซึ่งการเตรียม pattern นี้เข้าไป ช่วยแก้ปัญหาเขียนไม่ออก (Writer's block)
คือถ้าประโยคแรกไม่มา ประโยคอื่น ๆ ก็จะไม่ตามมาด้วย

อีกอย่างที่สำคัญคือเรื่อง outline ครับ อย่าฟุ้งซ่าน เขียนไปเรื่อย
เอา keyword มาก่อน แล้วคิดว่าจะเอาอะไรมา support
เวลาเขียนต้องคำนึงเสมอว่า ไอ้ประโยคที่เราเขียนเนี่ย
มันช่วย substantiate ประโยคหน้าหรือเปล่า ซึ่งทำให้เกิด coherence

และที่สำคัญ อย่าให้คำยาก ๆ ครับ ถ้าไม่มั่นใจจริง ๆ
การใช้คำหรู ๆ ไม่ได้หมายความว่าจะทำให้ได้คะแนนสูง ๆ เสมอไป
เพราะถ้าใช้ผิด ก็จะถูกหักคะแนนทันที
เทียบกับใช้คำง่าย ๆ แต่ถูกบริบทและสื่อสารได้ชัดเจน
นั่นคือเหตุผลว่าทำไมการที่เราจำ collocation จึงมีส่วนช่วยได้มาก

และที่สำคัญ ๆ อีกอย่าง กรุณาฝึกพิมพ์สัมผัส (ภาษาอังกฤษ) ให้เป็นด้วยนะครับ ผมขอ...



ที่มา: http://topicstock.pantip.com/klaibann/topicstock/2008/06/H6668167/H6668167.html

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)