13 กุมภาพันธ์ 2559

20 คำแนะนำที่ดีที่สุดในชีวิต

กว่าจะประสบความสำเร็จในอาชีพการงาน ทุกๆ คนล้วนแต่เคยได้รับคำแนะนำ หรือคำสอนดีๆ จากคนแวดล้อม ทั้งพ่อแม่ เจ้านาย เพื่อนร่วมงาน หรือแม้แต่คู่แข่ง ทั้งที่ตั้งใจ หรือไม่ก็ตาม คำแนะนำเหล่านี้เป็น “จุดเปลี่ยน” สำคัญในชีวิตให้กับผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำของต่างประเทศ และไทย

ชีวิตที่โตขึ้นมาแบบ Bill Gates “ลองทำทุกอย่างที่เราไม่เก่ง”
Bill Gates กับบิดาของเขา Bill Gates Sr. เป็น 2 พ่อลูกที่ไม่มีใครเหมือน Bill Gates สร้างหนึ่งในธุรกิจที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ แต่ตอนนี้เขาได้วางมือจากการบริหาร Microsoft ตั้งแต่เดือนมิถุนายนปีที่แล้ว และเปลี่ยนไปทำอาชีพที่ 2 คือการกุศล แถมยังให้บิดา Bill Gates Sr. ในวัย 83 มาทำงานให้เขาอีกด้วย นั่นคือการเป็นประธานร่วมในการบริหารมูลนิธิเพื่อการกุศลที่ใหญ่ที่สุดในโลก “Bill & Melinda Gates Foundation” ซึ่งมีมูลค่า 27,500 ล้านดอลลาร์ Bill Gates Sr. เกษียณจากบริษัทกฎหมาย Preston Gates & Ellis (ปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็น K&L Gates) ที่มีชื่อเสียงใน Seattle มาตั้งแต่ปี 1998 ปัจจุบัน 2 พ่อลูกต่าง “สอน” ซึ่งกันและกัน ต่างจากตอนเป็นเด็ก ที่พ่อจะเป็นฝ่ายสอนเท่านั้น นิตยสาร Fortune ได้สัมภาษณ์ 2 พ่อลูกพร้อมกัน ถึงชีวิตที่โตขึ้นมาแบบ Bill Gates และคำสอนที่ดีที่สุดที่ Bill Gates เคยได้รับจากพ่อ และคนอื่นๆ อย่าง Warren Buffett และ Steve Jobs
คำสอนที่ดีที่สุดของบิล เกตส์ มาจากพ่อ และแม่ ที่มักบอกให้เขาทำในสิ่งที่เขาไม่เก่ง และให้เล่นกีฬาหลายๆ อย่าง ซึ่งเวลานั้นเขามองว่าเป็นการทำอย่างสะเปะสะปะไร้จุดหมาย แต่สุดท้ายถึงได้พบว่า นั่นคือการเปิดโอกาสในการเป็นผู้นำ และทำให้รู้ว่ามีอีกมากมายหลายอย่างที่ตัวเขาไม่เก่ง แทนที่จะยึดติดอยู่กับสิ่งที่ทำได้ดีเพียงอย่างเดียว เขาพบว่า นั่นคือคำสอนที่วิเศษมาก

คำสอนที่ดีที่สุดได้รับจาก Warren Buffett
“เข้าใจง่ายที่สุด”

ในบรรดาคำสอนดีๆ มากมายที่บิล เกตส์ ได้รับจาก Warren Buffett ที่เขาคิดว่าน่าทึ่งที่สุดคือ การทำให้ทุกอย่างเข้าใจง่าย ตารางงานของเขาดูง่ายที่สุด เวลาคุยเรื่องธุรกิจที่น่าสนใจจะลงทุน เขาจะรู้แค่ตัวเลขง่ายๆ พื้นๆ เพียงไม่กี่ตัวและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับธุรกิจนั้นเท่านั้น ยิ่งข้อมูลยุ่งยากน้อยเท่าไหร่ เขาก็จะยิ่งรู้สึกว่าเป็นธุรกิจที่เขาจะเลือกลงทุน ในธุรกิจที่เขารู้จักโมเดลของมันดี และสามารถทำนายได้ เป็นโมเดลธุรกิจที่จะใช้ได้ผลในระยะยาว ความสามารถในการย่อยสิ่งต่างๆ ให้ง่ายและสนใจเฉพาะสิ่งที่มีคุณค่าจริงๆ และข้อมูลพื้นฐานของ Warren เป็นสิ่งที่น่าทึ่งมาก และผมคิดว่าเป็นความอัจฉริยะที่พิเศษมาก

จาก Steve Jobs
“ต้องมองแบบองค์รวม” 

เขาคนประเภททุ่มเทให้กับเรื่องที่สนใจแบบบ้าคลั่ง ผมเองก็คลั่งไคล้เรื่องการบริหารจัดการในด้านวิศวกรรมให้มีคุณภาพ ส่วน Steve เขาคลั่งไคล้เรื่องการปรับปรุงประสบการณ์ของผู้ใช้คอมพิวเตอร์และการออกแบบคอมพิวเตอร์ และนั่นคือสิ่งที่สร้างความแตกต่างให้แก่ Apple อย่างมาก เมื่อ Steve บอกว่าทุกอย่างจะต้องมาด้วยกัน ไม่ใช่การมองแบบทีละส่วน แต่ต้องมองแบบองค์รวม นี่เป็นความเข้าใจที่ลึกซึ้งมาก**

Jim Sinegal 73 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งและ CEO Costco Wholesale
“ทำให้ดู”
สมัยที่ผมเริ่มทำงานที่ Fed Mart ซึ่งเป็นห้างขายสินค้าราคาถูกแบบ Discount Retailer ตั้งแต่ตอนอายุ 18 ผู้ก่อตั้งบริษัท Sol Price สอนบทเรียนง่ายๆ กับผมว่า ถ้าคุณมีปัญหาในการจ้างใครทำงาน เป็นเพราะตัวคุณเองที่ทำงานนั้นไม่เป็น ดังนั้น คุณต้องแสดงให้เขาดูว่าคุณทำงานนั้นอย่างไร Sol จะเก็บขยะที่ตกอยู่บนพื้นโดยไม่ใช้ให้ใครทำแทน เห็นอะไรที่ผิดที่ผิดทาง เขาจะลงมือแก้ไขด้วยตัวเอง เห็นใครทำอะไรไม่ถูก เขาจะทำให้ดูว่าที่ถูกต้องนั้นทำอย่างไร บางคนคิดว่าควรพูดแค่ครั้งเดียวก็พอ แต่ผมคิดว่าคนอื่นจะซึมซับได้ดีกว่าถ้าเราสื่อสารเดิมซ้ำๆ ทุกวัน

Lloyd Blankfein 54 ปี ประธาน และ CEO Goldman Sachs
“ให้เกียรติผู้ใต้บังคับบัญชา”
เมื่อตอนที่ฝ่ายค้าสินค้าโภคภัณฑ์ที่ผมดูแลอยู่มีปัญหาในปี 1984 ผมเข้าไปขอคำแนะนำจากเจ้านายของผม เขาถามผมว่า ผมคิดว่าบริษัทควรจะแก้ปัญหานี้ยังไง พอผมตอบไป เขาก็บอกว่า ใช้ได้ เจ้านายฉลาดมากที่ถามความคิดของผม แทนที่จะบอกให้ผมต้องทำอย่างนั้นอย่างนี้ เพราะถ้าความคิดของผมใช้ได้จริง ผมก็จะมีความเชื่อมั่นมากขึ้น แต่ถ้ามันใช้ไม่ได้ อย่างน้อยแรงกดดันที่ผมมีก็น้อยลง เพราะเจ้านายยอมรับความคิดของผม ตอนที่ผมจะเดินออกไปจากห้อง เขาบอกให้ผมไปล้างหน้าล้างตาซะหน่อย เพราะว่าหน้าผมดูซีดๆ เรื่องนี้สอนผม 2 อย่าง หนึ่ง คุณควรฟังความเห็นลูกน้อง ก่อนที่จะบอกความเห็นของคุณ และสอง หากคุณเครียด ลูกน้องของคุณก็จะเครียดด้วย

Mort Suckerman 72 ปี
ประธาน Boston Properties, ประธานและบรรณาธิการบริหาร U.S. News and World Report
“ทำสิ่งที่คุณรัก”
อาจารย์ที่ Harvard เคยเล่าเรื่อง George Bernard Shaw ตอนที่เขาทำงานเป็นเสมียนในร้านขายของแห้งในเมือง Dublin เขาตัดสินใจให้เวลาตัวเอง 3 ปีไปทำสิ่งที่เขารัก คือเขียนบทละครในลอนดอน ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ เขาสามารถจะกลับมาเป็นเสมียนในร้านขายของแห้งเมื่อไหร่ก็ได้ อาจารย์ไม่ได้บอกว่าเรื่องนี้สอนอะไร แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า เราควรทำในสิ่งที่เรารักจริงๆ ผมเลยตัดสินใจให้เวลาตัวเอง 3 ปีลองพยายามทำสิ่งที่ผมสนใจมาตลอด ผมชอบชีวิตในเมืองและการสร้างสิ่งใหม่ๆ นั่นคือการทำงานกับบริษัทพัฒนาที่ดิน Cabot Cabot & Forbes ในบอสตัน แล้วผมก็ชอบสื่อสารมวลชนด้วย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ผมทำก็เพื่อจะได้ทำงานใน 2 สายงานนี้ ซึ่งมันทำให้ผมไม่เคยรู้สึกว่าต้องทำงานเลยแม้แต่เพียงวันเดียว

Tory Burch 43 ปี ผู้ร่วมก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ Tory Burch
“ไว้ใจสัญชาตญาณของคุณ”
ตอนที่ฉันคิดจะเปิดบริษัทของตัวเอง มีแต่คนห้ามว่าอย่าเพิ่งเปิดเป็นร้าน แต่ให้ลองทำแบบขายส่งชิมลางดูก่อนแบบคนที่เริ่มธุรกิจแฟชั่นมักจะทำกัน แต่ Glen Senk CEO Urban Outfitters ซึ่งเป็นคนที่คอยสอนฉัน บอกให้ฉันทำตามสัญชาตญาณของตัวเองและยอมรับความเสี่ยง ฉันมีความคิดอยากจะสร้างร้านแฟชั่นที่ไม่เหมือนใคร ตอนนั้นร้านส่วนใหญ่มักจะทำเป็นแบบเรียบๆ แต่ฉันต้องการสร้างร้านที่ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นห้องนั่งเล่นในบ้าน รู้สึกอบอุ่น มีสีสันและแตกต่าง ประสบการณ์ที่ฉันได้ทำงานประชาสัมพันธ์และเขียนคำโฆษณาให้กับ Ralph Lauren สอนให้ฉันรู้ถึงความสำคัญของการมองให้เห็นภาพรวมทั้งหมดของบริษัท ตั้งแต่สินค้าไปจนถึงการตลาด รวมถึงรูปลักษณ์ของร้าน ฉันจึงออกแบบร้านให้ลูกค้าที่เข้ามารู้สึกว่าเขากำลังอยู่ในบ้านของฉัน ฉันคิดทุกอย่างตั้งแต่เพลงที่เปิดในร้านไปจนถึงเทียนที่ใช้ โซฟาที่นั่งในร้านไปจนถึงสินค้าของฉัน ฉันทำให้ลูกค้ารู้จักตัวตนของเราได้ทันที และสามารถสร้างแบรนด์ได้อย่างรวดเร็ว

Scott Boras 56 ปี ผู้บริหาร Boras Corp. บริษัทผู้จัดการนักกีฬา
“ห่วงประสิทธิภาพ ไม่ใช่ห่วงชื่อเสียง”
ผมได้ว่าจ้างอาจารย์ด้านกฎหมายที่เคยสอนผมที่มหาวิทยาลัย University of the Pacific มาช่วยผมในการเจรจาสัญญาจัดการแข่งขันกีฬาครั้งใหญ่ ซึ่งเป็นงานใหญ่ครั้งแรกของผมได้สำเร็จ (Boras กลายเป็นคนดังทันทีเพราะมูลค่าของสัญญานั้นสูงจนทำลายสถิติ) เมื่อเราไปเลี้ยงฉลองกัน อาจารย์เตือนผมว่า คุณจะต้องรักษาผลประโยชน์ของลูกค้าของคุณให้ดีที่สุด แล้วคนทั้งโลกจะเปลี่ยนตามคุณ แต่พวกเขาไม่ได้ทำอย่างนั้นด้วยความเต็มใจหรอกนะ
สิ่งที่อาจารย์สอนหมายความว่า ถ้าคุณทำงานได้มีประสิทธิภาพจริงๆ ล่ะก็ คนเกือบร้อยทั้งร้อยจะนินทาว่าร้ายคุณ แต่คุณจะต้องเชิดหน้า อย่าหวั่นไหว ยอมรับมัน และสนใจแค่ทำให้ลูกค้าของคุณยิ้มได้ก็พอ

Jim Rogers 66 ปี ปรมาจารย์ด้านการลงทุนสินค้าโภคภัณฑ์
“อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า”
ผมได้รับคำสอนที่ดีที่สุดครั้งหนึ่งจากคนแปลกหน้าบนเครื่องบินตอนที่ผมบินไปชิคาโก ตอนนั้นผมเพิ่งทำงานใน Wall Street ใหม่ๆ เขาแก่กว่าผมมาก อายุในราว 40 ปี เขาบอกให้ผมอ่านทุกอย่างที่เกี่ยวกับบริษัทที่ผมสนใจ แค่อ่านรายงานประจำปีคุณก็ทำในสิ่งที่มากกว่าคน 98% ใน Wall Street ทำอยู่แล้ว ยิ่งถ้าคุณอ่านเชิงอรรถในรายงานประจำปีด้วย คุณจะทำในสิ่งที่มากกว่าคนใน Wall Street ทั้งหมดเขาทำกัน แล้วผมก็ตระหนักด้วยตัวเองว่า จะดียิ่งกว่านั้นถ้าผมอ่านรายงานประจำปีของบริษัทมากกว่าเพียง 1 ปี ผมก็จะรู้มากกว่าใครๆ การจะเป็นนักลงทุนมืออาชีพ แค่ฉลาดอย่างเดียวไม่พอ แต่คุณต้องอ่านทุกอย่างขวางหน้า ผมไม่แค่อ่านรายงานประจำปีของบริษัทที่ผมลงทุน แต่ผมยังอ่านรายงานประจำปีของบริษัทคู่แข่งของบริษัทนั้น นิตยสารด้านการค้าและทุกอย่างที่ผมจะหาได้ ในขณะที่คนส่วนใหญ่ไม่แม้แต่จะทำการบ้าน แต่เมื่อผมทำมากกว่านั้น ผมก็ยิ่งรู้มากกว่าและสามารถจะเลือกลงทุนได้อย่างประสบความสำเร็จ

Mika Brzezinski 42 ปี พิธีกรร่วมรายการ Morning Joe โดย Joe Scaborough MSNBC
“ใช้ความล้มเหลวเป็นแรงผลักดัน”
ตอนที่ฉันถูกปลดออกจาก CBS News ในปี 2006 เป็นตอนที่ชีวิตตกต่ำที่สุด ฉันกำลังจะได้เป็นผู้ประกาศข่าว Sunday Evening News และผู้สื่อข่าวรายการ 60 Minutes ชีวิตกำลังจะรุ่งโรจน์ แต่แล้วเพียงชั่วพริบตาทุกอย่างก็จบสิ้น
คนที่หวังดีสอนฉันว่า ในวันหนึ่งข้างหน้าเมื่อมองย้อนกลับมา ฉันจะพบว่านี่เป็นสิ่งที่ดีที่สุด ฉันยึดคำสอนนี้ไว้ในใจอย่างเหนียวแน่น และพยายามไปสัมภาษณ์งานข่าวหลายแห่งแต่ก็ล้มเหลวตลอด 1 ปี จนคิดจะหันหลังให้กับวงการ แม้ว่าจะเป็นอาชีพที่ฉันรักมาตลอดชีวิต แต่ฉันยังคงไม่ลืมคำสอนนั้น และคิดว่าต้องกลับเข้าสู่อาชีพนี้ให้ได้ แม้ว่านั่นจะหมายถึงต้องกลับไปเริ่มต้นที่ศูนย์ในวัย 40 ปีก็ตาม ฉันก็ได้ทำงานชั่วคราวที่ MSNBC และได้พบกับ Joe Scarborough ไม่นาน Joe ขอให้ฉันร่วมจัดรายการ Morning Joe ของเขา ทั้งๆ ที่ทางสถานีต้องการให้เขาใช้ผู้ประกาศหญิงอายุน้อย ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าบุคลิกของฉันอาจไม่เหมาะกับงานข่าวแบบที่ต้องอยู่ในกรอบ ซึ่งไม่สามารถแสดงความรู้สึกได้ แต่ใน Morning Joe ฉันสามารถเป็นตัวของตัวเองและพูดอย่างที่ฉันคิดได้

Meredith Whitney 39 ปี ผู้ก่อตั้ง Meredith Whitney Advisory Group
“ตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงได้”
คำสอนที่ดีสุดมาจากคุณแม่ ท่านสอนให้ฉันตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงได้ และทำให้สำเร็จ และค่อยๆ ปรับเป้าหมายให้สูงขึ้นทีละนิด เพื่อที่จะก้าวหน้าขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ถ้าคุณตั้งความหวังแบบเพ้อฝัน มันจะทำให้คุณผิดหวัง

Shai Agassi 41 ปี ผู้ก่อตั้งและ CEO Better Place
“ฟังคำสอนของคนฉลาด”
ผมมีโอกาสเสนอความคิดเรื่องการขายรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้าโดยผ่านตัวแทนจำหน่าย หรือผ่านหน่วยงานที่รัฐบาลตั้งขึ้น ให้กับอดีตประธานาธิบดี Bill Clinton และประธานาธิบดี Shimon Peres แห่งอิสราเอล Clinton ฟังผมจนจบแล้วบอกว่า ผมกำลังแก้ปัญหาที่ถูกต้องแต่ผิดเวลา คนทั่วไปไม่ซื้อรถผ่านตัวแทนหรอก พวกเขาจะซื้อรถมือสอง เขาบอกให้ผมหาวิธีที่จะทำให้คนทั่วไปได้ใช้รถพลังงานไฟฟ้าฟรีๆ โดยที่ผมยังคงสามารถทำกำไรได้ ส่วน Peres บอกผมว่า หน่วยงานรัฐไม่ลงมือทำอะไรหรอก ผู้ประกอบการคือคนที่ลงมือทำ ท่านบอกให้ผมตั้งบริษัทเอง ไม่อย่างนั้นความคิดผม ก็จะเป็นเพียงแค่ความคิดเท่านั้น “คุณมีงานที่ดีอยู่แล้ว แต่นี่เป็นงานที่ดีกว่า เพราะคุณจะได้ช่วยโลก” หลังจากนั้นไม่กี่วัน ผมลาออกจากงานทันที

Sukhinder Singh Cassidy 39 ปี CEO-in-residence Accel Partners
“เริ่มต้นให้ประทับใจที่สุด”
งานแรกที่ Merrill Lynch ฉันได้ทำงานกับ Henry “Hank” Michaels ผู้มีฉายาว่า “Hank the Crank” จากการที่เขาเป็นคนที่ทำงานเก่งและทำงานเร็วมาก อายุเพียง 30 ต้นๆ ก็ได้เป็นถึงกรรมการผู้จัดการใหญ่ สิ่งที่ Henry สอนฉันคือ ทำงานให้หนักที่สุด และก้าวหน้าตั้งแต่วันแรกที่เริ่มทำงาน แม้ว่าคุณจะเป็นแค่พนักงานใหม่ตัวเล็กๆ Hank บอกว่า แค่ช่วงเวลาเพียง 3-4 เดือนแรกที่คุณเริ่มทำงาน ก็สามารถจะตัดสินได้ว่าคุณจะรุ่งหรือร่วงในงานนั้น ฉันทำตามคำสอนของ Hank จนได้รับมอบหมายงานใหม่ที่ดีขึ้นเสมอ และได้โอกาสย้ายไปลอนดอน คำสอนของเขาคือกุญแจสำคัญสำหรับการเริ่มงานใหม่ๆ ทุกครั้ง เพราะคุณมีเวลาแค่ไม่กี่เดือนในการสร้างความประทับใจครั้งแรก และมีเวลาที่จำกัดในการสร้างพลังแห่งความก้าวหน้า และเริ่มสร้างแบรนด์สำหรับตัวคุณเอง

Eric Schmidt 54 ปี ประธานและ CEO Google
“หาโค้ชดีๆ”
คำสอนที่ผมนึกถึงเป็นอันแรกคือคำสอนของ John Doerr เมื่อเขาบอกให้ผมไปหาโค้ชมาสอนตัวเอง และแนะนำ Bill Campbell ให้ ในตอนแรกผมรู้สึกไม่พอใจคำแนะนำนี้ ผมเป็นถึง CEO มีประสบการณ์มากมาย ผมยังจะต้องการโค้ชไปทำไม ผมทำอะไรผิดพลาดหรือ ผมคิดว่าโค้ชจะมาสอนอะไรผมได้ ถ้าผมเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลกในเรื่องนั้นๆ อยู่แล้ว แต่โค้ชไม่จำเป็นต้องเล่นกีฬาเก่งเหมือนนักกีฬา หน้าที่ของโค้ชคือเฝ้าดูคุณ และทำให้คุณทำดีที่สุดเท่าที่คุณจะทำได้
ในด้านธุรกิจ โค้ชคือคนที่จะมองปัญหาด้วยสายตาคนละอย่างกับคุณ และอธิบายปัญหานั้นด้วยมุมมองของเขา และช่วยคุณหาวิธีแก้ เมื่อผมพบว่าโค้ชสามารถช่วยผมได้ ผมจึงเพิ่งรู้ว่านี่เป็นคำสอนที่ดีมาก เวลาที่เราเจอความขัดแย้ง เรามักจะเลี่ยงมัน แต่ Bill จะบอกให้ผมลุกขึ้นยืนให้สูงกว่าฝ่ายตรงข้ามที่อยู่อีกด้านของโต๊ะ และเตือนผมอย่ายอมให้ความขัดแย้งนั้นมารบกวนผมได้

Lauren Zalaznick 46 ปี ผู้บริหาร Women & Lifestyle Entertainment Networks, NBC Universal
“ฟัง”
Jeff Gaspin นายคนแรกของฉันสอนฉันว่า ชีวิตในวงการทีวีจะต้องเจอกับคำวิพากษ์วิจารณ์มากมายตั้งแต่ผู้จัดรายการ เพื่อนร่วมงาน ลูกน้องและเจ้านายของคุณ ถ้าคุณถูกวิจารณ์ซ้ำๆ ในเรื่องเดียวกัน แม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วย แต่คุณจะคิดยังไงนั้นไม่สำคัญ สำคัญที่ว่าคนอื่นๆ เขาคิดว่าคุณเป็นอย่างนั้น และนั่นคือความจริงสำหรับพวกเขา ตอนนั้นใครๆ ก็รู้ว่าฉันเป็นคนที่ตัดสินใจเร็วมาก ฉันมักจะพูดกับใครๆ ว่าฉันรู้แล้วเข้าใจแล้ว และไม่ต้องการรู้อะไรเพิ่มอีก Jeff เตือนฉันว่า ฉันล้ำหน้าคนอื่น 10 ก้าวอยู่แล้ว อย่าทำให้เสียไป เขาพูดถูก และฉันได้เปลี่ยนแปลงตัวเอง จากคนที่ตัดสินใจเร็วกลายเป็นคนที่ใครๆ เห็นว่ารอบคอบและวิเคราะห์เก่ง คุณไม่จำเป็นต้องเห็นด้วยกับคนอื่นๆ แต่คุณต้องแน่ใจว่าคุณรู้ว่าทำไมคุณถึงไม่เห็นด้วยกับพวกเขา

Tiger Woods 33 ปี นักกอล์ฟมือหนึ่งของโลก
“ทำให้มันง่ายเข้าไว้”
ตอนอายุ 6-7 ขวบ เวลาผมไปเล่นกอล์ฟกับพ่อ พ่อจะบอกให้ผมเลือกจุดหมายที่ผมจะตีลูก พอผมเลือกแล้ว พ่อจะบอกให้ผมคิดวิธีที่จะตีลูกไปให้ถึงจุดนั้น พ่อไม่เคยบอกว่าผมต้องวางแขนยังไง วางเท้ายังไง หรือพยายามเปลี่ยนความคิดของผม พ่อเพียงแต่บอกให้ผมทำต่อไปและตีลูกให้สำเร็จ คำสอนของพ่อคือทำให้มันง่ายเข้าไว้ เพราะพ่อรู้ว่าเด็กอายุแค่นั้น ยังไม่สามารถจะเข้าใจความซับซ้อนของการเล่นกอล์ฟได้ สิ่งที่พ่อผมสอนคือ ถ้าคุณต้องการตีลูกไปให้ถึงจุดที่ต้องการ จงคิดหาวิธีที่จะทำให้สำเร็จ จนทุกวันนี้ เวลาที่ผมกำลังแข่งขัน ผมยังคงได้ยินคำสอนของพ่อ “เลือกจุดที่ต้องการแล้วก็ตีเลย” เวลาที่ผมกำลังแข่งขัน ผมรู้ว่าคนพากย์จะพยายามอธิบายให้เป็นทฤษฎีว่าผมเปลี่ยนแผนการเล่นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่จริงๆ แล้วผมเพียงแต่กำลังคิดถึงคำสอนของพ่อเท่านั้น

Julian Robertson 77 ปี ผู้ก่อตั้ง Tiger Managementt
“หยุดพูดแต่เรื่องธุรกิจ”
ผมได้คำสอนที่ดีที่สุดจากพี่สาวผมเอง เธอบอกผมหลังจากที่เรากลับจากงานเลี้ยงด้วยกันในคืนหนึ่งว่า ผมกำลังทำตัวน่าเบื่อ ไม่มีใครอยากฟังแต่เรื่องหุ้นตลอดทั้งคืนหรอก ผมไม่เชื่อเธอ แต่ในที่สุดก็ต้องยอมรับว่าจริง ผมจึงเลิกพูดแต่เรื่องธุรกิจ และหาเรื่องอื่นมาคุย แล้วผมก็พบว่า หลังจากหยุดพร่ำพูดแต่เรื่องธุรกิจ และเลิกพยายามยัดเยียดความคิดของตัวเองเรื่องตลาดหุ้นใส่คนอื่นๆ คนอื่นๆ กลับสนใจขอคำแนะนำเรื่องตลาดจากผมมากขึ้น ตอนนั้นผมเพิ่งเริ่มอาชีพโบรกเกอร์ และการทำตามคำสอนของพี่สาวกลับทำให้ผมได้ลูกค้ามากขึ้น ก็เหมือนกับเวลาพ่อแม่สอนลูก ลูกมักจะไม่ฟัง ไม่เหมือนกับเวลาที่ลูกเป็นฝ่ายขอคำแนะนำจากพ่อแม่เอง**

ค่าของคำสอน
ธุรกิจให้คำปรึกษายังคงรุ่งแม้ว่าเศรษฐกิจจะตกต่ำ นี่คือราคาของบริการให้คำปรึกษาแบบต่างๆ

ค่าปรึกษา/ชม.
สามี/ภรรยา/เพื่อน ฟรี
Colette Young ภรรยาของ Larry Young CEO Dr Pepper Snapple Group เปิดบริษัทสอนให้คนที่แต่งงานแล้วรู้จักวิธีให้กำลังใจสามีหรือภรรยา
จิตแพทย์ $60- Corporate Counseling Associates โครง
$400 ให้คำปรึกษาแก่พนักงานเปิดเผยว่า ยอดคนโทรมาปรึกษาสายด่วนของโครงการเพิ่มขึ้น 15% ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา
คนทรง $50- คนทรงซึ่งชอบเรียกตัวเองว่า ที่ปรึกษา
$250 ผู้ใช้ญาณหยั่งรู้ เน้นให้คำปรึกษาแก่ผู้บริหารว่าควรขยายธุรกิจหรือส่งเสริมการขายหรือไม่
โค้ช $150- ช่วยในเรื่องการกำหนดและทำตามเป้าหมายที่จับ
$200 ต้องได้ เช่น ได้รับตำแหน่งใหม่ หรือต้องการเป็นนักพูดที่ดีขึ้น (Mark Suckerberg เจ้าของ Facebook ใช้โค้ชฝึกพูดคนเดียวกับ Bill Clinton)
ทนาย $200- ฝ่ายกฎหมายของบริษัทใหญ่ๆ และสำนักงานกฎ
$1,000 หมายต่างลดขนาดบริษัทกันในปีนี้ แต่คนกลับต้องการใช้บริการให้คำปรึกษาทางกฎหมายมากขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องล้มละลายและ Refinance หนี้บ้าน
ที่ปรึกษา $175- แหล่งให้คำปรึกษาทางธุรกิจที่ใหญ่ที่สุด มี
$800 McKinsey เป็นเจ้าตลาดซึ่งคิดค่าปรึกษาแพงที่สุด ลูกค้ารายใหญ่บางรายยอมควักกระเป๋าให้สูง ถึงอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์ต่อปี

วิชา พูลวรลักษณ์
ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ จำกัด (มหาชน)
“Nothing Sure Sure”
เป็นคำแนะนำที่ดีที่สุดในชีวิตผม ซึ่งมาจากคุณพ่อ ผมจำได้และปฏิบัติตามมาโดยตลอด ท่านสอนว่าในชีวิตคนเราไม่มีอะไรที่แน่นอน อย่าคิด “เผื่อ” ถ้าโอกาสมาต้องมองให้ออกว่านั่นคือโอกาส อย่ารีรอ ให้ตัดสินใจ ไม่ปล่อยให้ไหลผ่านไปเหมือนฝนตก แล้วจะกลับมาเสียใจ เสียดายทีหลังก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร เหมือนการซื้อที่ดิน ถ้าเห็นว่าโลเกชั่นดี มีอนาคต ก็ซื้อเลย อย่าคิดว่ารอไปก่อน เพราะถ้าคิดอย่างนั้น เท่ากับปิดโอกาสตัวเอง คนอื่นก็คว้าไป

บุญฤทธิ์ มหามนตรี
กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไลอ้อน (ประเทศไทย) จำกัด
"ใหญ่แค่ไหนถ้าไม่มีคุรธรรมก็ล้มได้"
ประสบการณ์ที่สั่งสมมานานทำให้บุญฤทธิ์ หัวเรือใหญ่ไลอ้อน กลั่นกรอง Best Advice ที่นำมาใช้เป็นหัวใจในการทำธุรกิจได้ว่า “ใหญ่แค่ไหนถ้าไม่มีคุณธรรมก็ล้มได้” ต่อให้เป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก ก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญเท่ากับว่าได้ดำเนินธุรกิจอย่างมีคุณธรรมหรือไม่ วิกฤตเศรษฐกิจโลกก็มีบริษัทที่เป็น Big Firm ล่มสลายไป ส่วนหนึ่งก็ละเลยสังคม ดำเนินธุรกิจที่ไม่โปร่งใส ดังนั้น การทำธุรกิจจะให้ประสบความสำเร็จจะต้องซื่อสัตย์และมีคุณธรรม

ธนา เธียรอัจฉริยะ
รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทเทิ่ล แอคเซส คอมมูนิเคชั่น จำกัด หรือ ดีแทค
“ล้มแล้วต้องลุก”
เป็นช่วงความเปลี่ยนแปลงขององค์กรเมื่อปลายปี 2008 ที่มีซีอีโอใหม่ และท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจที่ธุรกิจต้องเผชิญกับความยากลำบาก เป็นปัญหาที่ “ธนา” บอกว่ารุมเร้าให้เขาต้องคิดหลายต่อหลายเรื่อง จังหวะหนึ่ง เขานึกถึงหนังเรื่อง “Rocky ภาคจบ” ที่ตัวเอกของเรื่อง คือ “ซิลเวสเตอร์ สตาร์โลน” สอนลูกว่า “ความเป็นแชมเปี้ยนไม่ได้ดูเมื่อตอนชนะ แต่ดูว่าล้มแล้วจะลุกขึ้นมาได้อย่างไร” เป็นประโยคที่ทำให้ “ธนา” รู้สึกว่าคนที่ล้มแล้วลุกได้ คือคนที่เป็นตัวจริง

ยุทธศักดิ์ ภูมิสุรกุล
รองกรรมการผู้จัดการ บมจ.ซีพีออลล์ ผู้บริหารร้านเซเว่น อีเลฟเว่น
“Today’s problem is yesterday’s solution”
ผมได้พบประโยคนี้จากหนังสือเล่มหนึ่ง และเมื่ออ่านดูแล้วก็ทำให้ผมเชื่อว่า การดำเนินชีวิตโดยที่ทำให้ทุกวันมีค่าและดีที่สุดนั้น จะทำให้อนาคตของเราดีตามไปด้วย การที่เราแก้ปัญหาแบบส่งๆ ไป หรือทำอะไรแบบขอไปทีนั้น จะทำให้อนาคตลำบากและอาจจะเกิดปัญหายุ่งยากขึ้นตามมา เพราะฉะนั้นหากคุณแก้ปัญหาทุกเรื่องอย่างตั้งใจ สิ่งที่ดีจะกลับมาหาคุณเอง

กิติกร เพ็ญโรจน์
ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทแฮฟเอกู๊ดดรีม จำกัด
“ต้องกล้า”
ผมได้รับคำแนะนำจาก “ฉัตรชัย ดุริยประณีต” สมาชิกวงเฉลียง เมื่อหลายปีก่อน และหลายครั้งที่ผ่านมา เมื่อต้องมีการตัดสินใจเรื่องสำคัญ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลง ผมก็ได้นำมาใช้เสมอ คำแนะนำนั้นคือ “คนเราไม่จำเป็นต้องก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว และถ้าคิดว่าก้าวไปแล้วไม่ใช่ ที่สำคัญคือต้องไม่กลัวที่จะถอยออกมาโดยเร็ว”

วรรณี รัตนพล
กรรมการผู้จัดการ บริษัทอินิชิเอทีฟ จำกัด
“สื่อสารให้ได้ใจความ”
ดิฉันได้รับคำแนะนำจาก “กำธร กมลวารินทิพย์” อดีตประธานกรรมการ บริษัท เอเอส แอนด์ บี ลินตาส (ประเทศไทย) จำกัด ว่า “ต้องใช้เวลาที่มีอยู่น้อยนั้น พูดหรือสื่อสารให้ได้ใจความให้มากที่สุด” เพราะในอาชีพของมีเดียแพลนเนอร์ในวงการโฆษณาอาจถูกมองว่าสำคัญน้อยกว่าครีเอทีฟ เมื่อเวลาที่เอเยนซี่ให้บริการลูกค้าครบวงจร มีเดียแพลนเนอร์จะพรีเซนต์หลังครีเอทีฟ จึงมักเหลือเวลาในการพรีเซนต์ให้ลูกค้าฟังไม่มาก ดังนั้นต้องพยายามสื่อสารให้ลูกค้าใจให้ได้ แม้จะมีเวลาสั้นก็ตาม เพื่อให้งานของเราขายได้

สมบัษร ถิระสาโรช
ผู้ก่อตั้ง บริษัทตือ จำกัด
“พนักงานคือทรัพย์สินมีค่า”
พ่อแม่สอนว่า “ให้คิดเสมอว่าพนักงานในออฟฟิศเป็น Asset ที่ดีที่สุดของบริษัท” เปรียบเสมือนคนในครอบครัวเดียวกัน เมื่อเราคิดเช่นนั้น จะทำให้เราดูแลพนักงานของเราอย่างดีที่สุด


ที่มา http://goo.gl/VhqoKC

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)