08 ตุลาคม 2553

ดอกเบี้ยขาขึ้น ลงทุนอย่างไรดี

หลังจากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิง หรือ R/P 14 วัน ขึ้นไป 0.5% แล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงจะมั่นใจแล้วว่าอัตราดอกเบี้ยของประเทศคงจะเป็นขาขึ้นแล้ว และกำลังสงสัยว่าจะลงทุนอย่างไรภายใต้สถานการณ์เช่นนี้

การลงทุนอย่างแรกก็คือ การฝากเงินธนาคาร ซึ่งคนที่มีเงินออมส่วนใหญ่อยู่ในธนาคารคงจะใจชื้นได้บ้าง แต่อย่างไรก็ตาม จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้น่าจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเงินฝากค่อยๆ ปรับขึ้น โดยเฉพาะเงินฝากระยะยาวซึ่งผมได้ยินว่าสถาบันการเงินบางแห่งเริ่มให้อัตราดอกเบี้ยสูงถึง 3-4% กันแล้ว แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังมองว่าดอกเบี้ยเงินฝากธนาคารในปัจจุบันก็ยังต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อ ซึ่งหมายความว่าอัตราดอกเบี้ยที่แท้จริงที่เราได้ก็ยังติดลบ หรือพูดง่ายๆ ว่าเรายังจนลงจากการฝากธนาคารอยู่นั่นเอง

การลงทุนอย่างที่สองที่จะพูดถึงคือ การลงทุนในตราสารหนี้ คือ พันธบัตร หุ้นกู้ ซึ่งส่วนใหญ่ผู้ออมจะต้องลงทุนผ่านกองทุนรวม เนื่องจากราคาตราสารหนี้จะแปรผกผันกับอัตราดอกเบี้ย กล่าวคือ ถ้าดอกเบี้ยขึ้น ราคาพันธบัตรจะลดลง ดังนั้นกองทุนตราสารหนี้อาจจะมีมูลค่ากองทุนที่ลดลงได้หากดอกเบี้ยปรับขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือยาวๆ จะมีความผันผวนจากการเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยมากกว่าพันธบัตรที่มีอายุคงเหลือสั้นๆ ดังนั้นกองทุนตราสารหนี้ใดที่ถือครองพันธบัตรอายุคงเหลือสั้นๆ จำนวนมากจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า ดังนั้นผมเชื่อว่า ผู้จัดการกองทุนตราสารหนี้ส่วนใหญ่คงจะมีการคาดการณ์แล้วว่าดอกเบี้ยจะต้องขึ้น ดังนั้นการจัดพอร์ตการลงทุนนั้นผู้จัดการกองทุนส่วนใหญ่คงจะไม่ถือพันธบัตรที่มีอายุยาวๆ มากเกินไปนัก แต่อย่างไรก็ตาม ผลตอบแทนของกองทุนตราสารหนี้ในปัจจุบันก็ยังต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อค่อนข้างมาก และยังมีความเสี่ยงจากการปรับลดลงของราคาพันธบัตร นอกจากนี้ กองทุนตราสารหนี้ประเภทหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมกันมากคือกองทุนตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งให้ผลตอบแทนดีกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก และไม่มีความเสี่ยงจากการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้มากนัก

การลงทุนอย่างสุดท้ายคือ การลงทุนในหุ้น โดยทั่วไป ผลตอบแทนของตลาดหุ้นมักจะตรงข้ามกับอัตราดอกเบี้ย ถ้าดอกเบี้ยขึ้น หุ้นจะลง ถ้าดอกเบี้ยลง หุ้นจะขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าหากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับไม่เกิน 7% อัตราดอกเบี้ยเงินฝากก็คงจะเพิ่มขึ้นไม่เกิน 5% เนื่องจากผมเชื่อว่าทางการคงไม่อยากให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มมากเกินไปเนื่องจากไม่ต้องการเห็นเศรษฐกิจหดตัว ดังนั้นหากเรายังสามารถเลือกหุ้นที่สามารถจ่ายปันผลได้เกิน 5% หรือปันผลต่ำกว่านั้นมีการเติบโตสูงที่น่าจะทำให้เรามีกำไรจากส่วนต่างราคาได้ 10-15% ต่อปี ผมคิดว่าหุ้นเหล่านี้ยังน่าสนใจอยู่ครับ

เมื่อดอกเบี้ยขึ้น ผมเชื่อว่านักลงทุนส่วนใหญ่จะต้อง focus ไปที่หุ้นกลุ่มธนาคาร เพราะจะเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากกการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยที่น่าจะทำให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยหรือ net interest margin สูงขึ้น ซึ่งผมก็เห็นว่าน่าจะเป็นเช่นนั้น แต่ผมตั้งข้อสังเกตว่า หากการขึ้นดอกเบี้ยเกิดขึ้นจาก demand side คือเศรษฐกิจขยายตัวสูงจนทำให้ความต้องการกู้เงินสูง และเกินเงินเฟ้อ จนทำให้ดอกเบี้ยต้องปรับขึ้น ผมเชื่อว่ากรณีนี้หุ้นแบงค์ต้องได้ประโยชน์แน่นอนครับ เพราะจะปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้นและมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แต่หากเป็นอย่างปัจจุบัน ที่ดอกเบี้ยขึ้นเพราะ supply side คือ ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นจนเงินเฟ้อสูง จะจำเป็นเพื่อขึ้นดอกเบี้ยเพื่อป้องกันเงินไหลออกแล้วนั้น ผมมองว่าในระยะกลางถึงยาวหุ้นกลุ่มแบงค์อาจจะได้รับผลกระทบจากการปล่อยสินเชื่อที่ลดลงและ NPL ที่จะเกิดขึ้นตามมาจากการขึ้นดอกเบี้ยก็เป็นได้ครับ

หุ้นอีกกลุ่มหนึ่งที่นักลงทุนมักจะหันมามองเมื่อดอกเบี้ยขึ้น คือ หุ้นที่มีเงินสดในมือจำนวนมาก ซึ่งจะมีรายรับจากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ผมเห็นด้วยครับว่าเวลานี้หุ้นที่มีเงินสดเยอะย่อมดีกว่าหุ้นที่มีหนี้เยอะแน่นอน แต่สำหรับหุ้นที่มีเงินสดเยอะช่วงหลังๆ ที่ผมเห็นหลายบริษัทมักจะเป็นหุ้นประเภทที่เติบโตช้า หรือเป็นหุ้นที่มีการปันผลต่ำมาตลอด และบางทีบริษัทเหล่านี้มักจะนำเงินสดที่มีอยู่ไปให้บริษัทแม่หรือบริษัทในเครือกู้เสียอีก ดังนั้นผมคิดว่าคงจะต้องวิเคราะห์กันอย่างรอบคอบก่อนลงทุนครับ

หุ้นอีกประเภทที่นักลงทุนควรระวังก็คือ หุ้นที่มีระยะเวลาการเก็บหนี้การค้ายาวกว่าระยะเวลาการจ่ายหนี้การค้ามากๆ คือ หุ้นที่มีการขายสินค้าโดยให้เครดิตลูกค้านานๆ ซึ่งธุรกิจเหล่านี้จำเป็นต้องใช้เงินทุนหมุนเวียนสูง โดยเฉพาะหากมียอดขายที่เพิ่มขึ้น หุ้นประเภทนี้มักจะจำเป็นต้องมีการกู้เงินจากธนาคารเป็นเงินทุนหมุนเวียน และหากดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นก็จะทำให้ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของหุ้นเหล่านี้เพิ่มขึ้น และการที่ปล่อยเครดิตให้ลูกค้านานๆ ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้นก็มีความเสี่ยงจากหนี้สูญอีกด้วย

ผมเชื่อว่าการที่ดอกเบี้ยขึ้นนั้นก็ไม่ได้เป็นผลลบกับหุ้นทุกตัวครับ การที่ดอกเบี้ยขึ้นจะทำให้การบริโภคชะลอตัว ซึ่งน่าจะทำให้ยอดขายของแต่ละภาคธุรกิจลดลง แต่การที่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นก็จะทำให้การลงทุนใหม่ๆ อาจจะชะลอตัวลงไป ซึ่งหมายความว่าแต่ละธุรกิจจะมีผู้เล่นรายใหม่ๆ ลดลง และน่าจะมีผู้ประกอบการรายเล็กออกจากธุรกิจไป ดังนั้นหุ้นที่จดทะเบียนในตลาดซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่มักจะมีความแข็งแกร่งทางการเงินและธุรกิจที่สูงกว่าน่าจะมีส่วนแบ่งการตลาดที่เพิ่มขึ้น จึงทำให้อาจจะมียอดขายเพิ่มขึ้นกว่าการเติบโตของอุตสาหกรรมได้ครับ

ดังนั้น การที่อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นนั้น อาจจะไม่ได้มีผลอะไรมากนักสำหรับหุ้นพื้นฐานดี ที่เป็นผู้นำตลาด มีผู้บริหารที่มีความสามารถ และอาจจะเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นอีกด้วยครับ

from http://bbznet.pukpik.com/scripts3/view.php?user=greenbull&board=8&id=2527&c=1&key=%E0%A7%D4%B9%B7%D8%B9%CB%C1%D8%B9%E0%C7%D5%C2%B9


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)