01 มีนาคม 2553

หรูหราในนิยามใหม่ โดย หนูดี วนิษา เรซ

หรูหราในนิยามใหม่ โดย หนูดี วนิษา เรซ

โลกเปลี่ยนไวมาก หลับตาไปแว้บเดียว ลืมตามาอีกที สินค้าใหม่เทรนด์ใหม่เกิดกันเหมือนเห็ดที่โตได้ชั่วข้ามคืน ของแพงหรูหราที่ซื้อมาไม่นานก็ตกรุ่น ถ้าเรามัวแต่คิดแบบเก่า ก็จะโดนสอนบ้าง หยอกบ้างว่า คิดแบบนี้ “เอาต์” แล้ว หรือ คิดแบบนี้ระวังโดนเอาเปรียบนะ ระวังจะไม่ทันคน ไม่ทันเกมธุรกิจนะ

ถ้าจะพูดกันถึงเรื่องสิ่งของและเรื่องแนวคิดแล้วล่ะก็ หนูดีว่า หลายเรื่องก็ควรจะ “เอาต์” ได้แล้วค่ะ โดยเฉพาะวิธีคิดและการใช้ชีวิตกับทรัพยากรรอบตัวเรามากมายในรูปแบบแสนหรูหรายุคเก่า ที่ของแพง ของหายาก ของที่ต้องส่งกันข้ามโลก ตียี่ห้อหรู จึงจะเรียกกันว่า “ของหรูหรา” ที่ช่วยให้คนใช้ดูดีขึ้นทันตา

ที่โลกของเราต้องแบกรับภาวะมลพิษต่างๆ จนคนทั่วทุกมุมโลกต้องออกมาช่วยกันประกาศให้ช่วยกันลดภาวะโลกร้อนนั้น ปัจจัยหลักใหญ่อันหนึ่งก็คือการตีความคำว่า “หรูหรา” ผิดไปอย่างมากของคนรุ่นอดีต ทำให้เราต้องปรับ เปลี่ยนโลก เพื่อสนองความต้องการของตัวเองในแบบที่สังคมยอมรับว่า หรูหราและเท่

ของกินหรูหราในอดีตคือ บรรดาของหายาก หนวดเต่าเขากระต่าย หูฉลาม รังนก ของแพงและมีน้อยทั้งหลาย ซึ่งไปไขว่คว้าเอามาด้วยทรัพยากรมหาศาล แถมเตรียมการกันเป็นเวลานาน เพื่อกินหมดในเวลาอันรวดเร็ว หรือ อาหารที่ได้มาด้วยความป่าเถื่อนทารุณกรรมอย่างไม่น่าเชื่อว่า สิ่งมีชีวิตจะทำร้ายกันได้ขนาดนี้

ใครเคยเห็นสารคดีการตัดหูของฉลามที่ข้างกาบเรือแล้วทิ้งตัวเป็นๆ ที่เลือดโชกลงทะเลหน้าตาเฉย ปล่อยให้ตายในน้ำเอาเอง ก็จะกินหูฉลามไม่ลงไปตลอดชีวิตอย่างที่หนูดีเป็นมาแล้ว ส่วนความป่าเถื่อนของการนำรังนกมาใช้และความซ่อนเงื่อนของสัมปทานเลือด ก็เป็นเรื่องที่รับรู้แล้วทำให้ได้แต่คิดว่า กินวิตามินหรือใช้เลเซอร์รักษาผิวเอาดีกว่า

ของกินหรูหราในปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก เดี๋ยวนี้บอกใครว่าชอบกินหูฉลามอาจโดนเขม่น แต่ถ้าบอกดื่มกาแฟที่เป็น Fair trade หรือการซื้อมาบนพื้นฐานความยุติธรรมกับเกษตรกรท้องถิ่นก็มักจะได้รับการมองด้วยสายตาชื่นชม ยิ่งถ้าเป็นอาหารสุขภาพ หรืออาหารที่ได้มาจากการปลูกโดยไร้สารเคมีในแปลงเกษตรของชาวบ้าน ยิ่งดูดีเข้าไปใหญ่

คำว่า “หรูหรา” ที่เกี่ยวข้องกับอาหารการกินเริ่มเปลี่ยนไปและเป็นการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นด้วย เพราะหมายถึงที่มาของอาหารไม่ทำร้ายใครและผลดีที่ได้กับสุขภาพแบบเต็มๆ และการกินอาหารสุขภาพไร้สารราคาไม่ถูกเลย ว่าไปแล้วแพงกว่าอาหารจานด่วนแบบเทียบกันไม่ได้

ส่วนการศึกษาที่ดีดูเป็น “ของหรูหรา” มาทุกยุคทุกสมัยอยู่แล้ว แต่การศึกษาในปัจจุบันไม่ได้ดูแค่ว่า จบประเทศอะไรและจบจากที่ไหนแค่นั้นอีกแล้ว แต่ดูว่าเขาใช้ชีวิตเป็นและประณีตแค่ไหน อ่านเยอะแค่ไหน ทันข้อมูลแค่ไหน คนที่ยังยอมใช้ชีวิตแบบไม่เท่าทันและทำร้ายธรรมชาติจึงดูเป็นของเชยไปเสียแล้วในยุคนี้

เรื่องการซื้อของแบรนด์เนมก็เช่นกัน หากเป็นเมื่อไม่กี่ปีก่อน การมีกระเป๋าแบรนด์เนมรุ่นคลาสสิคสักใบเป็นเรื่องเก๋ ยิ่งถ้าใครสะสมมีรุ่นละหลายสียิ่งดูดี แต่เดี๋ยวนี้แค่มีเงินพอซื้อก็ไม่พอที่จะทำให้เราดู “หรูหรา” อีกต่อไป เพราะคนซื้อเดี๋ยวนี้ไม่ธรรมดา เพราะการเช็คข้อมูลดูก่อนว่า บริษัทนี้ตัดเย็บกระเป๋าที่ประเทศไหน มีการกดขี่ค่าแรงคนงานหรือไม่ กระบวนการฟอกหนังทำลายธรรมชาติแค่ไหน เขาจ่ายภาษีถูกต้องหรือเปล่าเป็นเรื่องธรรมดาที่หาอ่านเพื่อเช็คข้อมูลได้ไม่ยาก

ของหรูหรายุคนี้จึงไม่ใช่กระเป๋าที่ค่าเย็บรวมค่าขนส่งแล้วไม่ถึงหนึ่งในห้าของราคาขาย แต่กลายเป็นของที่มีน้อยชิ้น ตัดเย็บประณีตคุ้มราคาและมีที่มาที่ไปที่โปร่งใส ถือแล้วไม่รู้สึกว่ากำลังเอาเปรียบทั้งคนงานในโลกที่สามและเอาเปรียบเงินที่หามาได้ยากของตัวเอง ของหรูหราในปัจจุบันจึงมีข้อเรียกร้องต่างจากในอดีตอีกหลายข้อ

ในโลกปัจจุบันที่ความสุขกับความฉลาด ดูจะเป็นของที่จับมือเดินคู่กันไปได้แบบไม่ขัดเขิน พูดง่ายๆ ว่าเขามักมาแบบแพ็คคู่ และการคิดตีความคำว่า “หรูหรา” เสียใหม่ ก็น่าจะช่วยให้เรามีความสุขได้บนพื้นฐานของความเท่าทันข้อมูลใหม่ ทำให้เราสุขและโลกใบนี้สุขได้ไปพร้อมกันได้อย่างไม่ยากเย็นเกินไป

from http://www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/health/20091117/86721/หรูหราในนิยามใหม่.html


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)