16 มกราคม 2554

อุทาหรณ์เตือนใจ กับความล้มเหลวทางการเงิน

"หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีอาชีพศิลปิน นักกีฬา หรืออาชีพอิสระอื่นๆ คุณต้องไม่ใช้จ่ายแบบไม่ลืมหูลืมตา อย่าตกเป็นเหยื่อของแฟชั่นแบบไม่มีขีดจำกัด เพราะสินค้าแฟชั่นมีราคาแพงมาก จงให้คนเขารักและนับถือในตัวตนของเราไม่ใช่ของแบรนด์เนม นอกจากนี้ อย่าซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยต้องเป็นหนี้มหาศาลเพราะรายได้ในอนาคตของคุณมันไม่แน่นอนเหมือนมนุษย์เงินเดือน"

มีหลายคนมากมายที่ต้องการบริหารเงินออมของตัวเองให้เพิ่มพูนมากขึ้น เพื่อหวังไว้ใช้เป็นเงินตอนที่เกษียณอายุแล้ว จะได้ไม่ลำบากในบั้นปลายชีวิต แต่หารู้ไม่ว่าการออมเงินหรือการลงทุนของเรามันมีหลากหลายรูปแบบทั้งเสี่ยงมากและเสี่ยงน้อยแตกต่างกันออกไป ซึ่งเมื่อเราเลือกที่จะลงทุนแล้วก็ต้องศึกษารูปแบบของการลงทุนให้ดีด้วยว่ามีความเหมาะสมกับตัวเราเองอย่างไร และต้องไม่ชะล่าใจในสิ่งที่เราได้ลงทุนไป เพราะจะเห็นได้ว่าในบางรายระดับมหาเศรษฐีเองยังก้าวพลาดล้มเหลวมาแล้วนักต่อนัก...

คอลัมน์ “เจาะพอร์ตคนดัง” ฉบับนี้ “พี่ตู่ - วรวรรณ ธาราภูมิ” นายกสมาคมบริษัทจัดการลงทุน (สมาคม บลจ.) และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บลจ. บัวหลวง จำกัด จะเผยถึง Celebrity ชื่อดังในต่างแดนถึงความล้มเลวที่พวกเค้าไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้นมาก่อน ไว้เตือนเป็นอุทาหรณ์สอนใจใครที่จะคิดทำการใหญ่ก็ต้องรอบครอบซักนิดหนึ่งเพื่อความปลอดภัยในอนาคต...

“พี่ตู่” เริ่มบอกว่า มันไม่สำคัญหรอกว่าเรามีรายได้แค่ไหน เพราะสิ่งที่สำคัญกว่าคือ เราเหลือเก็บเท่าไหร่ และบริหารมันได้ดีเพียงใดมากกว่า” ซึ่งเราลองมาดูตัวอย่างความล้มเหลวทางการเงินของคนร่ำรวย คนมีชื่อเสียง หรือที่เรียกว่าเป็น Celebrity กัน โดยเรามาเริ่มกันที่ Zsa Zsa Gabor ดาราค้างฟ้าในวัย 92 ปี เป็นหนึ่งในคนสุจริตอันมั่งคั่งแต่ตกเป็นเหยื่อของการลงทุนในกองทุนแบบแชร์ลูกโซ่ที่ได้รับความเชื่อถือสนิทใจจากสาธารณชนของ Bernard Madoff จนเสียเงินไป 7 ล้านเหรียญให้กับ Madoff จอมต้มตุ๋น และยังต้องจ่ายภาษีย้อนหลังอีกกว่า 3.5 ล้านบาท แต่เธอคงไม่เหงาเท่าไหร่ เพราะมีเพื่อนดารารุ่นหลังที่ตกเป็นเหยื่อเช่นกัน คือ Kevin Bacon กับภรรยา Kyra Sedgwick ที่ระบุว่าพวกเขาสูญเสียทรัพย์สินทุกชิ้นให้กับ Madoff จนเหลือแต่บ้านหลังที่เขาอยู่อาศัยในปัจจุบันเพียงหลังเดียวเท่านั้น

“ดูไปแล้วก็คล้ายๆกับแชร์ลูกโซ่ที่เคยเกิดขึ้นในบ้านเรา คนหลงเชื่อเพราะได้ผลตอบแทนสูงมากโดยไม่รู้เลยว่ากองทุนแบบนี้มันอยู่ได้ก็ด้วยมีคนใหม่ๆ เข้ามาจ่ายเป็นปันผลให้ หากไม่มีเงินเข้า กองทุนแบบแชร์ลูกโซ่ที่ผิดกฏหมายอย่างนี้ก็ถึงกาลล่มสลาย”

"พี่ตู่" บอกต่อว่า เราต้องไม่ไปหลงเชื่อและนำเงินทั้งหมดไปให้ใครบริหารโดยไม่เข้าใจเลยว่าผลตอบแทนสูงๆ ที่ได้รับนั้นมาจากอะไร ต้องถามให้มากๆ ว่าลงทุนในอะไร และตรวจสอบให้ดีก่อนจะลงทุน ที่สำคัญคือให้กระจายการลงทุนไปในกองทุนหลากหลายรูปแบบ และต้องแบ่งเงินจำนวนหนึ่งไว้ในเงินฝากกับกองทุนมันนี่มาร์เก็ตบ้าง เผื่อว่าเวลาหุ้นตกมากๆ คุณจะได้ยังมีเงินใช้


ด้านDonald Trumpมหาเศรษฐีวัย 64 ปีแห่งวงการอสังหาริมทรัพย์ คาสิโน สื่อ และเป็นผู้ผลิตรายการดัง NBC reality show ชื่อ The Apprentice นอกจากนี้ยังเป็นเจ้าของธุรกิจ Miss Universe, Miss USA, and Miss Teen USA pageants อีกด้วย

ทั้งนี้ เขาประสบความสำเร็จในธุรกิจที่ขยายไม่หยุดยั้ง แต่ก็ล้มเหลวถึงขั้นล้มละลายถึง 3 ครั้ง เนื่องจากลงทุนมากเกินไป แต่ก็มีคนหลายคนอยากเข้าไปทำงานกับเขาเพื่อเรียนรู้ความสำเร็จ ที่จริงแล้วคนเหล่านั้นควรไปเรียนรู้ด้วยการอ่านเอกสารที่ยื่นขอล้มละลายของเขามากกว่า

“เราอยากให้ธุรกิจเติบโตก็จริงอยู่ แต่เราต้องระมัดระวังว่าอย่าโตรวดเร็วไป เพราะการเติบโตต้องใช้เงินและเป็นหนี้ มันจะมีประโยชน์อะไรถ้าเราเป็นเจ้าของธุรกิจมูลค่าล้านล้านบาท หากธุรกิจของเราต้องมีหนี้จำนวนสูงที่สุดในโลกอย่าง Donald Trump”

ขณะที่Billy Joelนักร้อง นักแต่งเพลง นักดนตรีแนวร็อกชาวอเมริกันวัย 61 ปี มีเพลงดังเพลงแรกคือ "Piano Man" ในปี 1973 เป็นศิลปินที่มียอดขายมากที่สุดเป็นอันดับ 6 ในสหรัฐอเมริกา มีเพลงติดท็อปเท็นในยุคทศวรรษ 1970, 1980 และ 1990 ได้รับ 6 รางวัลแกรมมี่ และมียอดขายมากกว่า 150 ล้านชุดทั่วโลก

“เขาเป็นศิลปินเพลงอัจฉริยะ แต่กลับเป็นอีกคนที่ล้มเหลวทางการเงินเพราะมอบความไว้วางใจในการบริหารเงินให้กับ Frank Weber อดีตน้องเขยและผู้จัดการส่วนตัวของเขา ทำให้เขาขาดทุนหลายพันล้านบาทจากการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงสูงที่ไม่ได้จัดการอย่างสุจริต จนเขาต้องล้มละลายไปในที่สุดและต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย 3,600 ล้านบาทจาก Frank Weber”

ปัญหาของ Billy Joel จึงเป็นการไว้ใจคนอื่นที่ใกล้ชิดให้ดูแลเงินของตนเองโดยไม่ได้เข้าไปติดตาม ตรวจสอบ และเขาก็เรียนรู้แล้วว่าไม่มีใครรักเงินของเรามากไปกว่าตัวเราเอง

“พี่ตู่” บอกเพิ่มเติมอีกว่าความล้มเหลวทางการเงินของ Celebrity ทั้งหลายมักมีรายได้สูงมากกว่าคนประกอบอาชีพทั่วไปหลายเท่า แต่มักจะมีปัญหาทางการเงินกันทั้งนั้น เพราะเมื่อมีเงินมากมายมหาศาลมันหมายความว่ามีหลายทางที่จะใช้จ่ายจนถึงขั้นเป็นหนี้และล้ม ละลายในที่สุดหากลืมตัวและมีอาการสามล้อถูกหวย

หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่มีอาชีพศิลปิน นักกีฬา หรืออาชีพอิสระอื่นๆ คุณต้องไม่ใช้จ่ายแบบไม่ลืมหูลืมตา อย่าตกเป็นเหยื่อของแฟชั่นแบบไม่มีขีดจำกัด เพราะสินค้าแฟชั่นมีราคาแพงมาก จงให้คนเขารักและนับถือในตัวตนของเราไม่ใช่ของแบรนด์เนม นอกจากนี้ อย่าซื้ออสังหาริมทรัพย์โดยต้องเป็นหนี้มหาศาลเพราะรายได้ในอนาคตของคุณมันไม่แน่นอนเหมือนมนุษย์เงินเดือน

ตัวอย่างนักกีฬา ศิลปิน และดารา ที่ใช้เงินเป็น บริหารเงินได้ดี และไม่ประมาทต่ออนาคต ในบ้านเราก็มีไม่น้อย และผู้ที่สูญเสียโชคลาภไปหมดสิ้นกับการพนัน และโดนโกงก็มีมาก ขอให้ผู้มีอาชีพอิสระจำเอาไว้เพื่อเตือนตนเอง โดยเฉพาะอาชีพนักแสดง นักร้องบ้านเราที่มีอายุงานสั้นกว่าประเทศตะวันตก เวลาในการมีโชคจึงสั้น หากใช้เงินหมด และเป็นหนี้ ชีวิตจะลำบากยิ่ง

ที่สำคัญคือ อย่าเชื่อใครเรื่องการบริหารเงินและเรื่องลงทุนจนหมดใจ คุณต้องเรียนรู้เองให้เข้าใจด้วย และต้องตรวจสอบการลงทุนนั้นให้ดีว่าไม่ใช่การลงทุนต้มตุ๋นแบบแชร์ลูกโซ่

สุดท้ายนี้ "พี่ตู่"ฝากบอกว่า แม้เศรษฐกิจในปีนี้คาดว่าจะมีการเติบโตเพิ่มขึ้น 3 - 5% ในการขับเคลื่อนโครงสร้างเศรษฐกิจกำลังเปลี่ยนจากภาคส่งออกไปเป็นภาคการลงทุน เข้าสู่วงจรการเติบโตของเศรษฐกิจใหม่ก็ตามแต่เราก็ต้องไม่ลืมที่จะระมัดระวังและรอบครอบต่อการลงทุน

from http://manager.co.th/MutualFund/ViewNews.aspx?NewsID=9540000004894


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)