16 เมษายน 2554

9 เหตุผลที่คนแห่ลงทุน’ทองคำ’

ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ร่วมกับ บริษัท เอส.พี.ซี พรีเชียส เมททอล จำกัด ได้เชิญ นายเจฟฟรีย์ นิโคลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำระดับโลก มาบรรยายในหัวข้อ “How Viable is Gold as a Long-Term Investment” เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มและทิศทางราคาทองคำ

เจฟฟรีย์ นิโคลส์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนทองคำระดับโลก ระบุว่า”ราคาทองน่าจะขึ้นถึง 1,500 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ภายในสิ้นปีนี้ และขยับถึง 2,000 ดอลลาร์ ในอีก 1-2 ปีข้างหน้า  โดยมีเหตุผล 9 ข้อที่คนแห่ลงทุนในทองคำ คือ

1) เศรษฐกิจสหรัฐยังขาดเสถียรภาพ   และต้องใช้เวลานานในการแก้ไข และมีโอกาสเกิดวิกฤตซ้ำสอง (double-dip) สูง ขณะที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงแล้ว 30% นับจากปี 2544

2) ปัญหาหนี้สาธารณะในยุโรปที่มีต้นตอจากกรีซและลุกลามไปยังหลายชาติในอียู สั่นคลอนความเชื่อมั่นต่อค่าเงินยูโร วิกฤตยุโรปก็เช่นเดียวกับในสหรัฐ

3) ธนาคารกลางของประเทศที่มีปัญหาเศรษฐกิจหันมาเพิ่มสัดส่วนทองคำในทุนสำรองมาก ขึ้น เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับสกุลเงินของตน ส่วนประเทศในเอเชียที่เคยถือเงินดอลลาร์และยูโรในทุนสำรองหันมาถือทองคำมาก ขึ้นเรื่อย ๆ แนวโน้มเช่นนี้มีมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ดังกรณีของธนาคารกลางอินเดียที่ซื้อทองคำจากไอเอ็มเอฟมากถึง 200 ตัน ทั้งที่ 2 ทศวรรษที่ผ่านมา รัฐบาลประเทศต่าง ๆ เป็นผู้ขายทองคำสุทธิมาตลอด จนกระทั่งปีที่แล้วกลับกลายเป็นผู้ซื้อสุทธิมากที่สุด และเชื่อว่าปีนี้รัฐยังคงเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ต่อไป

4) ความต้องการที่เพิ่มสูงจากจีนและอินเดีย หรือประเทศอื่น ๆ ที่นิยมทองคำ ในแดนมังกรและแดนภารต ทองคำไม่เพียงเป็นโลหะมีค่าแต่ยังเป็นเครื่องแสดงสถานภาพและความรุ่งเรือง เมื่อเศรษฐกิจในประเทศเจริญ มีคนชั้นกลางและเศรษฐีมากขึ้น ความต้องการครอบครองทองคำก็ยิ่งสูงตาม ด้านทางการปักกิ่งนั้นหนุนหลังกระแสนี้เต็มที่ เพราะไม่เพียงช่วยกระตุ้นการออม แต่ยังช่วยลดการนำเงินไปลงในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนเกิดฟองสบู่ได้อีกด้วย

5) ภาคเอกชนในประเทศพัฒนาแล้ว หันมาลงทุนในทองมากขึ้น ด้วยขาดความเชื่อมั่นในรัฐบาลประเทศตนว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ได้ในเร็ววัน ประชาชนตลอดจนบรรดากองทุนจึงหันมาแสวงหาความมั่งคงในโลหะสีเหลืองแทน

6) การขยายตัวของผลิตภัณฑ์และ ช่องทางการลงทุนในทองคำ การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และวิธีการลงทุนในทองคำแบบใหม่ ๆ ช่วยให้นักลงทุนรายย่อยและสถาบันเข้าถึงการลงทุนทองคำมากขึ้น อาทิ กองทุน Gold ETF ที่ปัจจุบันมีกองทุนเช่นนี้กว่า 80 กองทุนทั่วโลก

7) ตลาดทองคำยังมีขนาดเล็ก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นหรือตลาดตราสารอื่น ๆ การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยสามารถสร้างความแตกต่างได้มหาศาล และเพราะยังมีผู้เข้ามาลงทุนไม่มาก โอกาสและช่องทางจึงยังมีเหลือเฟือ

8) ราคาอาหารและสินค้าเกษตรที่พุ่งสูง เพราะภาวะโลกร้อนส่งผลกระทบต่อภาคเกษตรกรรมทำให้ผลผลิตออกสู่ตลาดลดลง ขณะที่ดีมานด์กลับพุ่งพรวด เพราะจำนวนประชากรโลกและความต้องการบริโภคต่อคนเพิ่มขึ้น ราคาอาหารจึงปรับขึ้น และสร้างแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะกระตุ้นให้ราคาทองคำดีดตัว

9) ปริมาณทองจากเหมืองมีเท่าเดิมหรือลดลง เหมืองทองคำทั่วโลกต่างมีปริมาณการผลิตลดลง ประกอบกับต้นทุนสูงขึ้นทั้งค่าแรง ค่าสำรวจ ค่าดูแลสิ่งแวดล้อม และแม้จะค้นพบแหล่งแร่ทองแห่งใหม่ก็ไม่สามารถร่อนออกมาใช้ได้ทันที ยังต้องผ่านกระบวนการอีกหลายขั้น เมื่อซัพพลายไม่สนองตอบได้ทันต่อดีมานด์ ราคาจึงวิ่งขึ้น


from http://is.gd/KILRvA


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

บทความยอดนิยม (ล่าสุด)

บทความยอดนิยม (All Time)