Pages

Pages

06 กรกฎาคม 2568

เจาะลึกภาวะตลาดหมีของ S&P500 บทเรียนจากอดีตและความผันผวนของตลาดหุ้นสหรัฐฯ


ดัชนี S&P500 ซึ่งเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาและตลาดหุ้นโลก ไม่ได้มีแต่ช่วงขาขึ้นที่สดใสเท่านั้น แต่ยังเคยเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากที่เรียกว่า "ภาวะตลาดหมี" (Bear Market) อยู่หลายครั้ง ภาวะตลาดหมีจะเกิดขึ้นเมื่อดัชนีมีการปรับตัวลดลงมากกว่า 20% จากจุดสูงสุดก่อนหน้า การทำความเข้าใจประวัติศาสตร์ของภาวะตลาดหมีเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุน เพื่อเตรียมรับมือกับความผันผวนและเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต



เปิดตำนานภาวะตลาดหมีของ S&P500

ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา S&P500 ได้เผชิญกับภาวะตลาดหมีมาแล้วหลายครั้ง โดยแต่ละครั้งล้วนมีปัจจัยกระตุ้นและระดับความรุนแรงที่แตกต่างกันไป ดังนี้:

1. วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) (กันยายน 1929 – มิถุนายน 1932): นี่คือภาวะตลาดหมีที่รุนแรงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ S&P500 โดยดัชนีลดลงอย่างมหาศาลถึง -86.2% เป็นผลมาจากฟองสบู่ในตลาดหุ้น การว่างงานที่สูงขึ้น และความล้มเหลวของภาคธนาคาร


2. วิกฤตเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ครั้งที่สอง / ภาวะถดถอยปี 1937 (มีนาคม 1937 – มีนาคม 1938): หลังจากที่ตลาดเริ่มฟื้นตัวจาก Great Depression ก็ต้องเผชิญกับการปรับฐานอีกครั้ง โดยดัชนีลดลงประมาณ -54.5% ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการเงินและการคลังที่ผิดพลาด


3. วิกฤตหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 (พฤษภาคม 1946 – มิถุนายน 1949): แม้สงครามจะสิ้นสุดลง แต่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจหลังสงครามทำให้ตลาดมีความผันผวน ดัชนี S&P500 ลดลงประมาณ -29.6%


4. ภาวะถดถอยไอน์สไตน์ (กรกฎาคม 1957 – ตุลาคม 1957): เป็นภาวะตลาดหมีที่ค่อนข้างสั้นและไม่รุนแรงมากนัก ดัชนีลดลงประมาณ -20.7%


5. การร่วงลงอย่างรวดเร็วในปี 1962 / สงครามเย็น (ธันวาคม 1961 – มิถุนายน 1962): ความตึงเครียดของสงครามเย็นและปัจจัยทางเศรษฐกิจทำให้ตลาดปรับตัวลง ดัชนีลดลงประมาณ -28.0%


6. ตลาดหมีขนาดเล็กปี 1966 (กุมภาพันธ์ 1966 – ตุลาคม 1966): ดัชนี S&P500 ลดลงประมาณ -22.2% ในช่วงสั้นๆ


7. วิกฤตหุ้นเทคโนโลยีปี 1970 (พฤศจิกายน 1968 – พฤษภาคม 1970): แม้จะไม่ได้รุนแรงเท่า Dot-Com ในภายหลัง แต่ตลาดหุ้นที่ลดลงในช่วงนี้ส่งผลให้ดัชนีลดลงประมาณ -35.4%


8. ภาวะเงินเฟ้อสูง (Stagflation) (มกราคม 1973 – ตุลาคม 1974): เป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเผชิญกับทั้งเงินเฟ้อสูงและการเติบโตที่ซบเซา ส่งผลให้ S&P500 ลดลงอย่างรุนแรงถึง -48.2%


9. การคุมเข้มนโยบายของโวลเกอร์ (พฤศจิกายน 1980 – สิงหาคม 1982): ธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้ประธาน Paul Volcker ได้ใช้นโยบายขึ้นดอกเบี้ยอย่างรุนแรงเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่งผลให้ดัชนีลดลงประมาณ -27.1%


10. วันจันทร์ทมิฬ (Black Monday) (สิงหาคม 1987 – ธันวาคม 1987): แม้เป็นการลดลงที่รวดเร็วและรุนแรงในวันเดียว (วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม 1987) แต่ภาวะตลาดหมีโดยรวมกินเวลากว่านั้น โดยดัชนีลดลงประมาณ -33.5%


11. ฟองสบู่ Dot-Com แตก (มีนาคม 2000 – ตุลาคม 2002): ฟองสบู่ในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีที่พองตัวมานานได้แตกออก ส่งผลให้ S&P500 ร่วงลงเกือบครึ่งหนึ่งที่ประมาณ -49.1%


12. วิกฤตการณ์การเงินโลก (Global Financial Crisis) (ตุลาคม 2007 – มีนาคม 2009): วิกฤตสินเชื่อซับไพรม์และการล่มสลายของสถาบันการเงินขนาดใหญ่ทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกเข้าสู่ภาวะตกต่ำอย่างรุนแรง S&P500 ลดลงถึง -56.8% ซึ่งเป็นการลดลงครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่ Great Depression


13. การระบาดของโควิด-19 (กุมภาพันธ์ 2020 – มีนาคม 2020): เป็นภาวะตลาดหมีที่เกิดขึ้นและสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็วที่สุดในประวัติศาสตร์ ดัชนี S&P500 ดิ่งลงกว่า -33.9% ภายในเวลาเพียงประมาณหนึ่งเดือน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการระบาดใหญ่ทั่วโลก


14. เงินเฟ้อ / การคุมเข้มนโยบายของเฟด (มกราคม 2022 – ตุลาคม 2022): การที่อัตราเงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่องเพื่อควบคุม ส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับฐานลง ดัชนี S&P500 ลดลงประมาณ -25.4%



บทสรุปและข้อคิดสำหรับนักลงทุน

ประวัติศาสตร์ของภาวะตลาดหมีใน S&P500 แสดงให้เห็นว่าตลาดหุ้นมีความผันผวนเป็นเรื่องปกติ และช่วงเวลาที่ราคาหุ้นตกต่ำนั้นเกิดขึ้นเป็นระยะๆ จากปัจจัยทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือเหตุการณ์ไม่คาดฝัน อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่นักลงทุนควรจดจำคือ หลังจากการลดลงอย่างรุนแรง ตลาดหุ้น S&P500 ก็มักจะฟื้นตัวกลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ได้เสมอในเวลาต่อมา



การเรียนรู้จากประวัติศาสตร์เหล่านี้ช่วยให้นักลงทุนสามารถ:
  • เตรียมพร้อมรับมือกับความผันผวน: เข้าใจว่าภาวะตลาดหมีเป็นส่วนหนึ่งของวัฏจักรตลาด
  • มีวินัยในการลงทุน: หลีกเลี่ยงการตัดสินใจด้วยอารมณ์ในช่วงที่ตลาดตื่นตระหนก
  • มองหาโอกาสในวิกฤต: บางครั้งภาวะตลาดหมีก็เป็นโอกาสในการเข้าลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพในราคาที่ถูกลง
การลงทุนระยะยาวและกระจายความเสี่ยงยังคงเป็นกลยุทธ์ที่สำคัญในการรับมือกับความไม่แน่นอนของตลาด และคว้าโอกาสในการเติบโตที่ S&P500 ได้พิสูจน์ให้เห็นมาตลอดประวัติศาสตร์



Prompt Reference:

"list ภาวะตลาดหมี (Bear Market) ของดัชนี S&P500 ทั้งหมด และ ลบกี่ % (เรียงตามวันที่ เก่ากว่า ไปใหม่กว่า)"

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น